“บิ๊กโจ๊ก”พบกงสุลอังกฤษยันไม่มีมอมยาข่มขืนแหม่มสาว

2018-08-30 17:25:49

“บิ๊กโจ๊ก”พบกงสุลอังกฤษยันไม่มีมอมยาข่มขืนแหม่มสาว

Advertisement

“บิ๊กโจ๊ก” พบกงสุลอังกฤษยืนยันไม่มีการวางยา การข่มขืนแหม่มสาวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า เตรียมขอศาลอนุมัติหมายจับ 2เพจ โพสต์ข้อความอันเป็นเท็จ



เมื่อวันที่ 30 ส.ค. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) กล่าวภายหลังการเข้าพบนายพอล เคย์ กงสุลใหญ่อังกฤษ ประจำประเทศไทย ว่าวันนี้ได้นำหลักฐานหนังสือการรายงานผลตรวจสอบทั้งวัตถุพยานและนิติวิทยาศาสตร์ จากการลงพื้นที่ตามเวลาเสมือนที่เกิดเหตุ มาให้กงสุล ซึ่งพบว่าคืนวันดังกล่าว ตรงกับขึ้น 14 ค่ำ พระจันทร์เต็มดวง และคืนดังกล่าวมีน้ำทะเลหนุนสูง ซึ่งขัดแย้งกับคำกล่าวอ้างของสาวชาวอังกฤษที่ว่าคืนวันเกิดเหตุไปนั่งดื่มบริเวณริมชายหาด ก่อนที่จะถูกมอมและพาไปข่มขืนที่เป็นโขดหินห่างจากร้านฟิชโบลว์ประมาณ 300 เมตร แต่จากการตรวจสอบพบว่า การเดินไปยังจุดเกิดเหตุจะต้องเดินลุยน้ำทะเลไปยังโขดหินซึ่งจะเป็นจุดสนใจเพราะวันดังกล่าวมีการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกและมีการตรึงกำลังของเจ้าหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยบริเวณริมชายหาดจึงไม่สามารถที่จะเป็นไปตามคำกล่าวอ้างนั้นได้ จึงทำให้สามารถสรุปได้ว่า จากพยานหลักฐานที่ตรวจสอบ สรุปได้ว่าไม่มีการวางยาและการข่มขืนเกิดขึ้น



พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า หลังจากนี้ทางสถานทูตอังกฤษประจำประเทศไทยจะประสานไปยังผู้เสียหายเพื่อนำหลักฐานเช่น เสื้อผ้าที่มีคราบอสุจิติดอยู่ส่งกลับมายังประเทศไทย รวมถึงคำให้การของหญิงสาวชาวอังกฤษที่ให้ไว้กับตำรวจอังกฤษมาตรวจสอบเพิ่มเติมอีกด้วย คาดว่าจะใช้ระยะเวลา อย่างเร็วที่สุดภายใน 1 เดือน ส่วนกรณีที่ระบุว่าแม่ของผู้เสียหายจะเดินทางมายังประเทศไทยเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีนั้น ทางแม่ของผู้เสียหายนั้นไม่ใช่พยานบุคคลที่สำคัญจึงไม่มีผลต่อรูปคดี





รอง ผบช.ทท. กล่าวต่อว่า จากการพูดคุยในครั้งนี้ทางกงสุลใหญ่อังกฤษประจำประเทศไทย ได้ชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ ในการหาข้อเท็จจริงดังกล่าวซึ่งตำรวจไทยสามารถหาพยานหลักฐานมาหักล้างและทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทยจากสายตานักท่องเที่ยวอังกฤษขนาดนี้นั้นยังไม่ได้รับผลกระทบเพราะจากการตรวจสอบทางโรงแรมที่พักบนเกาะเต่า ยังถูกจองเต็มจากนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งต่อจากนี้ทางตำรวจจะต้องหารือถึงมาตรการในการป้องกันและเฝ้าระวังป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ซ้ำขึ้นอีกสำหรับการตรวจสอบข้อเท็จจริงขณะนี้ ถือว่าเสร็จสิ้นสมบูรณ์100%แล้ว รอเพียงพยานหลักฐานใหม่เท่านั้น



พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้จะมีการออกหมายจับเจ้าของเฟซบุ๊กแฟนเพจ 2 เพจ คือเพจสมุยไทม์ และ เพจCSI LA ที่โพสต์ข้อความ เหตุการณ์ดังกล่าวจนสร้างความเสื่อมเสียทางด้านการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของประเทศไทย ซึ่งขณะนี้สามารถพิสูจน์ตัวตนของเจ้าของเพจได้แล้ว คาดว่าน่าจะมีการการออกหมายจับได้ภายในวันนี้ในข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ รวมทั้งคนแชร์ข้อมูลก็มีความผิดด้วย ก็จะออกหมายเรียกเข้ามาให้ข้อมูล ขณะที่ก่อนหน้านี้ได้พบการแจ้งความเท็จของชาวต่างชาติทำให้เกิดความเสื่อมเสียทางด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยรวม 4 คดี ในพื้นที่ จ.กระบี่ เกาะสมุย และเกาะเต่าซึ่งทางตำรวจได้ดำเนินการแจ้งความและผลักดันออกสู่ประเทศขึ้นพร้อมกับขึ้นแบล็กลิสต์ถาวรไปแล้ว