"บ้านเด็กกำพร้า" ซ่อนปริศนาฆาตกรรม...เหยื่อร้องทุกข์"แม่ชี"ทารุณไร้ทางสู้ (คลิป)

2018-08-30 16:20:41

"บ้านเด็กกำพร้า" ซ่อนปริศนาฆาตกรรม...เหยื่อร้องทุกข์"แม่ชี"ทารุณไร้ทางสู้ (คลิป)

Advertisement



"เมื่อพ่อแม่ถูกไฟสงครามคร่าชีวิต ลูกเล็กเด็กแดงไร้ทางไป ไม่มีใครรับดูแล สุดท้ายต้องมาอยู่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ที่นี่ถูกฉาบด้วยสีขาวราวสวรรค์ เหล่าแม่ชีนักบุญผู้เที่ยงธรรมอ้าแขนพร้อมโอบอุ้มเด็กเคราะห์ร้ายให้หลุดพ้นจากความยากแค้น แต่แล้วรอยยิ้มบริสุทธิ์ของเด็กๆ ก็ได้ถูกกระชากทิ้งหายจากใบหน้า กลับกลายเป็นคราบน้ำตา เมื่อนางบาปในคราบนักบุญหยิบยื่นความตายที่เหม็นคลุ้งไปด้วยความทุกข์ทนทรมาน ..." 






St. Joseph’s Catholic Orphanage สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าภายใต้การดูแลและการกำกับของตัวแทนทางจากทางโบสถ์ศาสนาคริสต์ ตั้งอยู่ ณ เมืองเบอร์ลิงตัน รัฐเวอร์มอนต์ โดยในช่วงปี ค.ศ. 1950-1960 ชื่อเสียงของบ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้เริ่มก็เริ่มโด่งดังขึ้น เมื่อทางการได้รับการร้องเรียนจากอดีตเด็กกำพร้าที่ออกจากบ้านไปแล้วมากกว่า 100 ชีวิต ว่าพวกเขาตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงสารพัด แต่ทางการรัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับไม่ตั้งข้อหาใดๆ โดยกล่าวแค่ว่าหากต้องการเรียกร้องความยุติธรรมก็ต้องไปยื่นฟ้องร้องกันเอาเอง





ดั่งนรกส่งให้พวกเขามารับกรรมยังสถานที่แห่งนี้ ... แซลลี่ เดล (Sally Dale) หนึ่งในเด็กหญิงที่เติบโตอยู่ในบ้านเด็กกำพร้าตั้งแต่ 2 ขวบจนถึงอายุ 23 ปี เธออาจจะเป็นหนึ่งในเด็กที่อยู่ในบ้านเด็กกำพร้านานที่สุด

เธอได้ให้การต่อทนายความว่า เธอถูกเหล่าแม่ชีผู้ดูแลทุบตีอยู่บ่อยครั้ง เหตุการณ์เลวร้ายที่จำได้ดีก็คือ เธอเคยถูกจับขังเดี่ยวภายในตู้เก็บของในห้องใต้หลังคา ภายหลังจากหมดบทลงโทษ หนำซ้ำยังเคยถูกล่วงละเมิดทางเพศภายในห้องนอนของแม่ชี รวมถึงกระชากลากผมเธอโดยครูดไปกับพื้นเพื่อเอาตัวเธอกลับมาที่เตียงด้วยผมของเธอเอง โดยให้เหตุผลเพียงแค่ว่า ‘เธอเป็นคนบาป’


Sally Dale



จนกระทั่งเช้าวันถัดมา เธอถูกบังคับให้มานั่งอยู่บนพื้นข้างเตียง และแม่ชีจะให้เด็กคนอื่นมาหัวเราะเยาะเย้ย พร้อมกับให้เธอสารภาพว่าเมื่อคืนเป็นเด็กไม่ดีต่อหน้าเพื่อนๆ

แต่สิ่งที่เธอประสบมานั้น กลับไม่ใช่ความร้ายแรงที่สุด เพราะสิ่งที่โหดเหี้ยมยิ่งกว่า ก็คือการที่เธอเห็นเด็กชายรายหนึ่งถูกผลักออกมาจากหน้าต่าง…





ในขณะที่เธอกำลังมองไปที่อาคารหลังหนึ่งของบ้านเด็กกำพร้า ร่างของเด็กชายคนนั้นตกลงมากระทบกับพื้นดิน นอนแน่นิ่งไร้ลมหายใจ เธอไม่สามารถบอกได้ว่าแม่ชีคนไหนเป็นคนลงมือ แต่มั่นใจได้ว่าเป็นแม่ชีเพราะมีผ้าคลุมสวมอยู่



นอกจากนี้ แซลลี่ กล่าวว่าเธอเห็นเด็กชายคนหนึ่งจมน้ำต่อหน้าต่อตา หลังจากที่ถูกผลักให้ตกจากเรือลงไปในทะเลสาบ โดยที่มีแม่ชีอยู่ข้างๆ เห็นเหตุการณ์ด้วย เธอถามว่าเด็กชายคนนั้นจะจมน้ำไหม ส่วนแม่ชีตอบกลับเพียง ‘ไม่ต้องห่วง เขากำลังจะได้กลับบ้านแล้ว’





เอ็ด ดูเพรย์ (Ed Duprey) คือหนึ่งในเด็กชายที่ถูกผลักให้ตกลงไปในทะเลสาบ เขากระเสือกกระสนเอาชีวิตรอดสุดกำลังเพื่อกลับมาขึ้นฝั่งจนได้ และยืนยันว่ามีเด็กคนอื่นๆ ถูกกระทำในรูปแบบเดียวกันทุกช่วงฤดูร้อน


Ed Duprey

ส่วน แพตตี้ เซโน (Patty Zeno) จำความได้ว่า ซิสเตอร์ พริสซิล (Priscil) พยายามผลักเธอให้ตกจากอาคาร ช่วงจังหวะที่เธอกำลังทำความสะอาดหน้าต่างด้านนอก ซึ่งแม่ชีได้ช่วยจับขาเอาไว้แต่แล้วก็ปล่อยพร้อมผลักเธอจนร่วงลงมา…


Patty Zeno

โดยการรวมตัวของเหยื่อความรุนแรงในบ้านเด็กกำพร้าครั้งแรกเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1994 Patty ได้อ่านหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเกี่ยวกับเรื่องราวนั้น เธอก็จำความในส่วนของตัวเองได้ขึ้นมา เธอเริ่มมีอาการตัวสั่นและร้องไห้ฟูมฟาย เมื่อนึกถึงคืนวันแสนทรมานเมื่อวัยเด็ก จนเธอตัดสินใจออกมาร่วมเปิดเผยถึงรายละเอียดในส่วนของเธอเพื่อใช้ในการฟ้องร้องแก่ทนายความ



แต่แล้วการฟ้องร้องกลับไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เหยื่อให้การมานั้นไม่มีความสอดคล้องกัน และไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากระยะเวลาที่เกิดขึ้นนั้นนานมากเกินไปจนไม่หลงเหลือหลักฐานในการพิสูจน์



อย่างไรก็ตาม ได้มีการติดตามตัวซิสเตอร์พริสซิล ที่ถูกกล่าวหาว่าผลักเด็กหญิงให้ตกจากหน้าต่าง เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่แพตตี้พูดนั้นเป็นความจริงหรือไม่…



ซึ่งชีวิตของซิสเตอร์พริสซิลนั้น เธอเป็นผู้ที่จงรักภักดีต่อภาคีมากๆ ยึดมั่นในหลักคริสตจักรโรมันคาทอลิกโดยสมบูรณ์ และให้การยอมรับว่าเธอเป็นแม่ชีท่านนั้นจริง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เธอพยายามคว้าเด็กคนนั้นไว้ก่อนจะตกลงไป แต่มันไม่สำเร็จ



ในส่วนของซิสเตอร์พริสซิลกล่าวว่า หล่อนทำได้แค่เพียงกรีดร้องเนื่องจากอยู่ในอาการตื่นตกใจจนไม่รู้จะทำอย่างไร ทันใดนั้นก็มีแซลลี่ที่พุ่งตัวเข้ามาคว้าแพตตี้เอาไว้ได้ทันก่อนตกถึงพื้น โดยที่มีแม่ชีท่านอื่นอยู่ในห้องบนชั้นเดียวกัน เป็นพยานในเหตุการณ์ครั้งนั้น



ท้ายที่สุดแล้ว การฟ้องร้องคดีความต่อศาลของแซลลี่ถูกปัดตกไป และเคสอื่นๆ ที่ฟ้องร้องเข้ามาก็ถูกปัดตกทั้งหมดเช่นกัน ด้วยเหตุผลที่ว่าการรื้อฟื้นความทรงจำเพียงอย่างเดียวนั้น ไม่มีน้ำหนักที่มากพอ และอายุขัยของความทรงจำนั้นมีระยะที่สั้นเกินกว่าจะนำมาประกอบการพิจารณาคดี



ความเจ็บปวดที่หยั่งลึกยากแก่การเยียวยา จึงยังคงเป็นหนามแหลมคอยทิ่มแทงจิตใจของเด็กที่เคยตกเป็นเหยื่อไปตลอดกาล ... 



ที่มา : burlingtonfreepress, dailymail, buzzfeednews