กระทรวงพาณิชย์แจงการเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 100 และ 200 บาท ได้เฉพาะผู้เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมอาชีพเท่านั้น ส่วนเครื่องอีดีซี ติดตั้งแล้ว 36,360 เครื่อง
เมื่อวันที่ 29 ส.ค.นายวิชัย โภชนกิจ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีที่ ครม.เห็นชอบให้เพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 100 บาท และ 200 บาท ซึ่งเป็นการเติมเงินรายเดือนเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีสิทธิ และสามารถถอนเป็นเงินสดได้นั้น ยืนยันว่า ผู้มีสิทธิ์จะต้องเข้าร่วมโครงการฝึกอบรมพัฒนาอาชีพเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนกว่า 3.9 ล้านคน ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี มากถึง 2.98 ล้านคน โดยจะได้รับวงเงินเพิ่ม 200 บาทต่อคนต่อเดือน ส่วนผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีรายได้ 30,000 - 100,000 บาทต่อปี มีจำนวน 9.9 แสนคน จะได้รับวงเงินเพิ่ม 100 บาทต่อคนต่อเดือน
นายวิชัย กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าการติดตั้งเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีดีซี ปัจจุบันสามารถติดตั้งได้แล้ว 36,360 เครื่อง และจะไม่มีการติดตั้งเพิ่มเติม เนื่องจากต้องการจูงใจให้ร้านค้าสมัครเข้าร่วมโครงการธงฟ้าประชารัฐโดยใช้โทรศัพท์มือถือ หรือ ถุงเงินประชารัฐ ซึ่งปัจจุบันได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีร้านค้าสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการมากขึ้น ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ได้ส่งรายชื่อให้กรมบัญชีกลางแล้วกว่า 21,000 ร้านค้า โดยธนาคารกรุงไทยได้ส่ง sms แจ้งผู้สมัครแล้ว 15,162 ร้านค้า และมีร้านค้าที่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นแล้ว 7,841 ร้านค้าทั่วประเทศ ส่วนใหญ่จะเป็นร้านค้ารายย่อย หรือร้านค้าในตลาดสด
นายวิชัย กล่าวด้วยว่า โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2560 - 19 ส.ค. 2561 มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบจากการใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการ 38,500 ล้านบาท มีการซื้อขายสินค้า 128 ล้านรายการ โดยข้าวสารเป็นสินค้าที่มีประชาชนเลือกซื้อมากสุด รองลงมาเป็นพวกสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น น้ำมันพืช กะปิ และน้ำปลา นอกจากนี้จะขยายไปยังสินค้าชุมชนมากขึ้น และในปี 2562 เตรียมจัดจ้างมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศเก็บข้อมูลรายได้สินค้าชุมชนที่จำหน่ายในโครงการ เพื่อให้ได้ตัวเลขเงินสะพัดสู่ชุมชนที่แท้จริง