ชุมนุมใหญ่รื้อบ้านพักศาล เผาพริกเผาเกลือสาปส่ง

2018-08-26 16:05:36

ชุมนุมใหญ่รื้อบ้านพักศาล เผาพริกเผาเกลือสาปส่ง

Advertisement

ชาวเชียงใหม่ รวมตัวชุมนุมใหญ่ จัดเวที "เตขว้าง" ให้รื้อบ้านพักศาล พร้อมทำพิธีเผาพริกเผาเกลือสาปส่งที่ดินแบบล้านนาไม่ให้ใครเข้าไปอยู่ พร้อมให้เวลา 1 สัปดาห์หากยังไม่มีคำตอบจะจัดชุมนุมรุนแรงขึ้นอีก

เมื่อวันที่ 26 ส.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่ลานอเนกประสงค์ประตูท่าแพ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ เริ่มคึกคัก หลังจากที่เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ นัดหมายชุมนุมใหญ่เรียกร้องให้มีการรื้อบ้านพักตุลาการจำนวน 45 หลัง และอาคารชุด 9 หลัง ตามสัญญาของรัฐบาล โดยมีการเตรียมเวที "เตขว้าง" 26 สิงหาคม 2561 (เต ขว้าง หรือรื้อทิ้ง) เพื่อต้อนรับกลุ่มประชาชนที่จะมาร่วมชุมนุมแสดงพลัง โดยใช้ชื่อว่า "รวมพลังหัวใจสีเขียว ทวงสัญญาป่าแห่ง แม่น้ำร้อยสายไหลรวมเป็นหนึ่ง"

นอกจากนี้ก็ได้มีการนำริบบิ้นสีเขียวมาจากให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปมาบริเวณจุดที่ชุมนุม และก่อนการเริ่มกิจกรรมก็ได้มีการปล่อยขบวนรถจักรยานกว่า 100 คัน ติดริบบิ้นสีเขียวปั่นรณรงค์รอบคูเมืองเชียงใหม่ และชักชวนประชาชนให้มาร่วมในการชุมนุมครั้งนี้ด้วย ขณะที่บริเวณลานชุมนุม ก็มีการจัดวาดภาพกราฟฟิตี้ นิทรรศการดอยสุเทพ จุดถ่ายรูป เช็คอินป่าแหว่ง และไฮท์ของงานก็คือให้ประชาชนได้ร่วมเขียนความใจในการรื้อบ้านพัก นำผ้าสีเขียวมาให้ประชาชนได้เขียนคำสาปแช่ง แต่ทางเครือข่ายฯ ที่จัดชุมนุมได้ขอร้องให้เขียนแนวสุภาพไม่ใช้คำหยาบคาย มีการแสดงดนตรีบนเวที การพูดปราศัย และการต้อนรับขบวนแห่ ที่มาจากทั้งหมด 4 ทิศของตัวเมืองเชียงใหม่




ด้าน ร.ต.อ.คณิน ปิงบุญ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ EOD ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ นำกำลังและอุปกรณ์ตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยเข้าตรวจบริเวณโดยรอบลานประตูท่าแพอย่างละเอียดเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น ในขณะที่กำลังตำรวจภูธร สภ.เมือง และจราจร เรียกระดมกำลังและปล่อยแถวออกปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อย พร้อมตั้งกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยเฉพาะกิจ เพื่อควบคุมสถานการณ์ ซึ่งนายปรีชา นามศิริ ปลัดอาวุโส อ.เมืองเชียงใหม่ มาร่วมสังเกตการณ์ด้วยตนเอง

ในเวลา 11.00 น.ได้มีการอ่านแถลงการณ์ของเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ เรื่อง ขอให้รัฐบาลเร่งรัดให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินการตามข้อตกลง โดยเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพได้จัดชุมนุมพี่น้องประชาชนที่ข่วงประตูท่าแพในครั้งนี้ ก็เพื่อขอให้รัฐบาลเร่งรัดดำเนินการแก้ปัญหาตามที่ได้มีข้อตกลงกันไว้เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 ซึ่งจนบัดนี้ผ่านระยะเวลาเกือบ 4 เดือนยังไม่มีผลชัดเจน มิหนำซ้ำยังส่อว่าข้อตกลงบางข้อก็ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง การที่กรรมการบริหารศาลยุติธรรม (ก.บ.ศ.) มีมติให้ย้ายที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค5 กับบ้านพักไปยังจังหวัดเชียงราย เป็นความความคืบหน้าสำคัญหนึ่ง ซึ่งสมควรจะทำให้สถานการณ์เป็นไปในทางดี แต่ทว่ากลับนำมาซึ่งความอึมครึมยิ่งกว่าเดิม เพราะมีข่าวว่าอาจจะมีหน่วยงานอื่นเข้าไปใช้พื้นที่บ้านพักและอาคารชุดแทน ดังนั้นเพื่อป้องกันมิให้มีการเข้าสวมแทน ในการชุมนุมครั้งนี้ทางเครือข่ายจึงทำพิธีสาปแช่งผู้ที่จะเข้าไปอยู่อาศัยในพื้นที่บ้านพัก 45 หลังและอาคารชุดที่กันแนวเขตไว้ และขอให้รัฐบาลเร่งประสานงานกับสำนักงานเลขาธิการศาลยุติธรรม เพื่อย้ายผู้เข้าพักอาศัยในอาคารชุด 9 หลังลงมาอยู่ในอาคารชุดบนพื้นราบนอกเขตที่รัฐบาลประกาศมิให้มีผู้อยู่อาศัยเพื่อจะสามารถดำเนินการฟื้นฟูภาพสิ่งแวดล้อมต่อไป



เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าและประชาชนที่ร่วมชุมนุม ขอเรียกร้องให้รัฐบาลรักษาข้อตกลงและเร่งรัดให้มีการคืนพื้นที่บ้านพัก 45 หลัง และอาคารชุด 9 หลังให้กับกรมธนารักษ์โดยเร็ว และไม่ให้มีผู้ใดอยู่อาศัยหรือเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว พร้อมๆ กับขอให้เร่งพิจารณาตัดสินใจข้อเสนอให้รื้อย้ายบ้านพักและอาคารชุดที่คณะกรรมการแก้ปัญหาระดับจังหวัดได้มีมติเสนอไปโดยเร็วที่สุด ตลอดเวลาเกือบสี่เดือนมานี้ เครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพได้ให้ความร่วมมือกับรัฐบาลตามแนวทางที่รัฐบาลกำหนดด้วยดี แม้ว่าจะมีอุปสรรคปัญหาและการไม่ให้ความร่วมมือจากหน่วยงานของรัฐบาลหลายต่อหลายครั้ง ขณะนี้ ก.บ.ศ.ได้มีมติย้ายที่ที่ทำการและบ้านพักไปแล้ว อีกทั้งคณะกรรมการระดับจังหวัดก็มีมติและดำเนินการตามที่มอบหมายครบถ้วน เหลือแต่เพียงการตัดสินใจของรัฐบาลเท่านั้น ได้โปรดอย่าได้มีการยืดเยื้อล่าช้าออกไปอีกเลย รัฐบาลต้องเร่งตัดสินใจรื้อย้ายอาคารบ้านพักส่วนที่ล้ำเข้าไปในแนวป่าเชิงดอยสุเทพตามที่กันแนวไว้โดยเร็ว เพราะยิ่งยืดเยื้อไปปมปัญหานี้อาจจะยกระดับขึ้นกลายเป็นความขัดแย้งรุนแรงขึ้น โดยให้กำหนดเวลา 1 อาทิตย์หลังจากนี้ หากไม่มีคำตอบจะยกระดับการชุมนุมแน่นอน

หลังจากอ่านแถลงการณ์เสร็จ ก็ได้มีการแสดงดนตรี ก่อนจะเริ่มพิธีสาปแช่งแบบล้านนา เพื่อสาปแช่งที่ดินดังกล่าว เพราะทางเครือข่ายเกรงว่า แม้ว่าทางศาลจะออกมาแสดงเจตนารมณ์ว่าจะไม่อยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่มีการกำหนดวันรื้อที่แน่ชัด รวมถึงเป็นการป้องกันไม่ให้ใครเข้าไปใช้อาศัยในบ้านพัก 45 หลัง และอาคารชุด 9 หลังอีก จึงสาปแช่งที่ดิน จากนั้นก็ได้เริ่มได้เริ่มพิธีเผาพริกเผาเกลือ และเผาบ้านป่าแหว่งจำลอง พร้อมเปิดให้ประชาชนเข้ามาร่วมวางดอกไม้จัน และโยนพริกโยนเกลือลงในกะทะ เมื่อเสร็จสิ้นกิจกรรมแล้ว ก็มีการแสดงดนตรี และจัดกิจกรรมอื่นๆ ต่อตลอดทั้งวัน