หนึ่งสัปดาห์หลังเหตุการณ์น้ำท่วมรุนแรงที่สุดในรอบ 100 ปี ในรัฐเกรละ ทางภาคใต้ของประเทศ ครอบครัวหนึ่งที่อาศัยอยู่ในบ้านริมฝั่งแม่น้ำ ยังคงใช้ชีวิตโดยไม่มีไฟฟ้าใช้, ไม่มีอาหารที่เหมาะสม, น้ำดื่มสะอาดและการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ
เชลจีและอับราฮิม ตีโน ซึ่งนั่งโดยใช้แสงสว่างจากเทียน กล่าวว่า บ้านหลังนี้อายุ 125 ปี ที่สืบทอดกันมาแต่บรรพบุรุษ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำมานิมาลา แต่กลับรอดพ้นจากน้ำท่วมรุนแรงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทั้ง ๆ พื้นที่ทั้งหมดถูกน้ำทะลักจากแม่น้ำไหลเข้าท่วม โดยตีโน และแม่วัย 80 ปี ป่วยเป็นโรคหัวใจ จึงไม่ได้ย้ายไปศูนย์ผู้อพยพ เพราะปัญหาสุขภาพ บีบให้พวกเธอต้องทนใช้ชีวิตอยู่ในบ้าน ทั้ง ๆ ที่มีปัญหาเรื่องอาหาร เนื่องจากยังไม่สามารถปรุงอาหารได้เพราะครัวถูกน้ำท่วม แต่ก็ยังพอได้อาหารจากเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ และด้วยสภาพอากาศที่ร้อน เนื่องจากไม่มีไฟฟ้า ทำให้กลางคืนนอนไม่หลับ
นายปีนารายี วิชายัน มุขมนตรีรัฐเกรละ ประเมินความเสียหายจากน้ำท่วมทั้งสิ้นคิดเป็นเงิน 2,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลาง 371 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจนถึงขณะนี้ รัฐเกรละได้รับเพียง 85.8 ล้านดอลลาร์ รัฐบาลได้จัดสรรธัญพืชเกือบ 90,000 ตันให้ความช่วยเหลือฉุกเฉิน ซึ่งส่งไปช่วยทางอากาศโดยกองทัพอากาศอินเดีย นอกจากอาหารแล้ว ยังมียารักษา 65 เมตริกตัน, คลอรีนเม็ด อีก 10 ล้านเม็ด และอื่น ๆ อีกจำนวนมาก ถูกส่งไปช่วยอย่างเร่งด่วน
ทั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตแล้วประมาณ 400 คน , สูญหายหลายสิบคน และ 1.2 ล้านคนต้องไปอาศัยอยู่ในศูนย์ผู้อพยพ จากเหตุการณ์น้ำท่วมในรัฐเกรละครั้งนี้ และอาจต้องใช้เวลานาน 20-25 ปี ในการฟื้นฟูเมืองให้กลับมาเหมือนช่วงก่อนน้ำท่วม