ยิงถล่ม-ระเบิดรีสอร์ทกลางกรุงมะนิลา

2017-06-02 05:35:26

ยิงถล่ม-ระเบิดรีสอร์ทกลางกรุงมะนิลา

Advertisement

เกิดเหตุยิงกันและระเบิดใน "รีสอร์ท เวิลด์ มะนิลา"  รีสอร์ทท่องเที่ยวชื่อดังในกรุงมะนิลา ผู้เห็นเหตุการณ์บอก มือปืนสวมหน้ากากกราดยิงแขกที่เข้ามาพักผ่อน แต่ยังไม่มีรายงานตัวเลขผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ ล่าสุดตำรวจเปิดเผยว่าเป็นการโจรกรรมไม่ใช่ก่อการร้ายแต่อย่างใด


เกิดเหตุยิงกันและระเบิดดังสนั่นจากรีสอร์ท เวิลด์ มะนิลา ที่พักตากอากาศแหล่งบันเทิงในกรุงมะนิลา เมืองหลวงฟิลิปปินส์เมื่อเช้ามืดวันศุกร์ และสื่อท้องถิ่น รายงานว่า มีกลุ่มชายติดอาวุธอยู่ภายในตัวอาคารด้วย หลังเสียงปืนและระเบิดดังขึ้น รีสอร์ทชื่อดังแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวฟิลิปปินส์แห่งนี้ต้องปิดให้บริการชั่วคราว และสำนักงานดับเพลิงท้องถิ่น รายงานด้วยว่าเกิดไฟไหม้บนชั้น 2 ของอาคารหลังหนึ่งด้วย พนักงานโรงแรม ซึ่งหลบหนีออกมาจากที่เกิดเหตุ กล่าวกับซีเอ็นเอ็น ฟิลิปปินส์ว่า มือปืนสวมหน้ากากคนหนึ่งอยู่บนชั้น 2 ของโรงแรม กราดยิงแขกที่เข้ามาพักผ่อนอย่างไม่เลือกหน้า ส่วนตำรวจ รถดับเพลิงและหน่วยสวาท เข้ามายังที่เกิดเหตุในเวลาประมาณ 01.30 น.ของเช้ามืวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับ 00.30 น.ตามเวลาในไทย โดยหน่วยสวาท ซึ่งสวมเสื้อกันกระสุนเข้าไปยังที่เกิดเหตุแล้ว แต่ยังไม่มีรายงานว่า มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตกี่คนด้านรีสอร์ท ได้ทวิตข้อความว่า ทางบริษัทกำลังทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติของฟิลิปปินส์อย่างใกล้ชิด เพื่อรับประกันว่า แขกและพนักงานทุกคน มีความปลอดภัยรีสอร์ท เวิลด์ มะนิลา หรือรู้จักกันในชื่อ อาร์ดับเบิลยูเอ็ม เป็นรีสอร์ทบันเทิงในเมืองนิวพอร์ต ย่านที่พักอาศัยและธุรกิจการค้าในเทศบาลกรุงมะนิลา อาร์ดับเบิลยูเอ็มแห่งนี้ จะมีบริการทั้งโรงแรมที่พัก ภัตตาคาร และบาร์ นักท่องเที่ยวนิยมเข้าบ่อนคาสิโน, ห้างสรรพสินค้า, ดูภาพยนต์และละครทั้งนี้ ฟิลิปปินส์ประสบปัญหาเรื่องการก่อการร้ายหลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนเกาะมินดาเนา ภาคใต้ของประเทศ ซึ่งรวมทั้งเมืองมาราวีด้วย ที่ขณะนี้ กองทัพรัฐบาลกำลังต่อสู้เพื่อขับไล่กลุ่มกบฏมาอูเต ที่มีสายสัมพันธ์กับกลุ่มนักรบรัฐอิสลาม หรือไอเอส ที่บุกเข้ายึดเมืองดังกล่าวมากว่า 1 สัปดาห์แล้ว การต่อสู้กันในเมืองมาราวี ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิม ทำให้ประชาชนอย่างน้อย 7 หมื่นคน อพยพทิ้งบ้านเรือน และมีผู้เสียชีวิต 140 รายล่าสุดซีเอ็นเอ็นรายงานว่าตำรวจฟิลิปปินส์ระบุว่าไม่ได้เป็นการก่อการร้ายเป็นเพียงแค่การโจรกรรมเท่านั้นซึ่งคนร้ายลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว