พิษพายุฝน! ถล่มจันทบุรี น้ำล้นเขื่อนท่วมหนักพื้นที่เกษตร

2018-08-20 12:30:42

พิษพายุฝน! ถล่มจันทบุรี น้ำล้นเขื่อนท่วมหนักพื้นที่เกษตร

Advertisement

พายุฝนพัดถล่มจันทบุรีหนักหน่วงต่อเนื่อง ส่งผลให้ระดับน้ำในเขื่อนคีรีธารล้นสปิลเวย์ พื้นที่เกษตรกรรมท้ายเขื่อน เริ่มรับผลกระทบน้ำหลากเข้าท่วม

เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสภาพอากาศในพื้นที่ จ.จันทบุรี ซึ่งได้รับผลกระทบจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ทำให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องทั่วทั้ง 10 อำเภอ โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.เมือง ,อ.มะขาม ,อ.เขาคิชฌกูฏ และ อ.ขลุง ส่งผลทำให้ระดับน้ำในเขื่อนคีรีธาร ต.บ่อเวฬุ อ.ขลุง จ.จันทบุรี มีปริมาณน้ำสะสมจำนวนมาก โดยที่บริเวณสันเขื่อน บ้านคลองอิตัก และบ้านโชคดี ต.บ่อเวฬ อ.ขลุง ระดับน้ำเริ่มล้นสปิลเวย์ ทำให้พื้นที่เกษตรกรรมที่อยู่ใต้เขื่อนได้รับผลกระทบ มีน้ำหลากเข้าท่วม

ต่อมา ผู้สื่อข่าว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.จันทบุรี ได้เดินทางลงพื้นที่ไปยัง บริเวณสปิลเวย์ สันเขื่อน บ้านคลองอิตัก เพื่อตรวจสอบระดับน้ำ พบว่าปริมาณน้ำจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้ระดับน้ำในเขื่อนเพิ่มสูงขึ้น จนเริ่มล้นสปิลเวย์ไหลลงสู่ที่ต่ำ โดยกระแสน้ำได้ไหลกัดเซาะถนน ภายในหมู่บ้านบ้านคลองอิตัก และบ้านโชคดี ต.บ่อเวฬ พังเสียหาย ชาวบ้านต้องระดมกำลังออกมาช่วยขุดดินเปลี่ยนเส้นทางน้ำ เพื่อไม่ให้กัดเซาะถนน และไม่ให้น้ำท่วมขัง พร้อมทั้งเปิดทางระบายให้น้ำไหลสะดวก




ขณะเดียวกัน ในท้องที่ที่ได้รับผลกระทบ ทางกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ร่วมกับป้องกัน จ.จันทบุรี ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและคอยช่วยเหลือชาวบ้าน ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมกันนี้ได้จัดเวรยาม เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง ควบคู่ไปกับการเร่งระบายน้ำ เพื่อไม่ไห้เกิดผลกระทบ กับพื้นที่เหนือเขื่อนที่กินบริเวณกว้างหลายตำบล นอกจากนี้ ยังได้เจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณท้ายเขื่อน ให้เตรียมเก็บของขึ้นที่สูง โดยเฉพาะเครื่องมือทางด้านการเกษตร เนื่องจากฝนปีนี้มาเร็ว โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ฝนจะตกหนัก และน้ำในเขื่อนจะสูง ในช่วงใกล้ออกพรรษา หลังจากนั้นเพียง 2 ถึง 3 วันน้ำก็จะลดลงตามธรรมชาติ

ด้านนายปรีชา ชัชวาลตระการตา ผญบ. ม. 4 ต.บ่อเวฬุ อ.ขลุง บอกว่า ปีนี้น้ำมาเร็วกว่าทุกปี มีโอกาสที่ระดับน้ำจะสูงอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจจะกินระยะเวลานานเป็นเดือน จึงต้องมีการเฝ้าระวังกันตลอดเวลา



อย่างไรก็ตาม จากการลงพื้นที่ตรวจสอบที่บริเวณท้ายเขื่อน พบว่า ระดับน้ำที่ล้นสปิลเวย์ไหลแรง ผ่านคลองแคบๆ อยู่ตลอดเวลา ทำให้น้ำเริ่มกัดเซาะริมตลิ่ง ซึ่งเป็นพื้นที่สวนผลไม้ของชาวบ้าน เริ่มได้รับผลกระทบ ซึ่งตอนนี้เป็นเพียงน้ำที่มาจากฝนที่ตกหนักทุกวัน หากมีน้ำป่ามาสมทบ สถานการณ์น่าจะมีความน่าเป็นห่วงกว่าที่เป็นอยู่ เนื่องจากคลองที่จะระบายน้ำออกไปพื้นที่ ต.ตกพรม อ.ขลุง แคบมาก อาจทำให้พื้นที่เกษตรกรรม ตลอดจนบ้านเรือนประชาชน ได้ผลกระทบจากน้ำหลากเข้าท่วมได้