เกิดเหตุไฟไหม้ในพื้นที่ตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยต้นเพลิงเริ่มต้นที่อาคาร B บริเวณตลาดเทศบาล3 และไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็วหลายห้องติดกัน เจ้าหน้าที่ต้องระดมรถดับเพลิงจากพื้นที่ใกล้เคียงพร้อมรถแบคโฮเข้าระงับเหตุ
เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 18 ส.ค. ที่ผ่านมา ร.ต.อ.วิญญู ปัญญาวิรภรณ์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.คลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้รับแจ้งเหตุเกิดไฟลุกไหม้ตลาดโรงเกลือเทศบาล 3 ซึ่งเป็นร้านขายสินค้าประดับยนต์ ร้านขายรองเท้าและเสื้อผ้าของชาวกัมพูชา อาคาร ล็อคบี ตลาดเทศบาล 3 ภายในตลาดโรงเกลือ ไฟได้ลุกไหม้และลามไปอย่างรวดเร็ว หลังรับแจ้งจึงได้รีบแจ้งไปยังเทศบาลเมืองอรัญประเทศและพื้นที่ใกล้เคียง รวมทั้งมณฑลทหารบกที่19 เพื่อขอรถดับเพลิง ระดมเข้ามาช่วยดับไฟ โดยไฟได้โหมไหม้อย่างรุนแรงและรวดเร็ว เนื่องจากภายในร้านค้าที่ถูกไฟลุกไหม้เป็นร้านขายร้องเท้าและเสื้อผ้าแทบทั้งสิ้น ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี เพียงไม่กี่นาที ไฟได้โหมลุกไหม้และลามไปติดอาคารใกล้เคียงประมาณ 20 ห้อง จนไฟขยายวงไปอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่า รถดับเพลิงจะระดมเข้าไปนับ 10 คันแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถระงับไฟได้ ขณะเดียวกันหน่วยกู้ภัยอรัญประเทศ ทหารจาก มทบ.19 ทหารกองพันที่ 3 รักษาพระองค์ ทหารพราน ตชด.12 ตำรวจภูธรคลองลึก ก็เร่งระดมกำลังช่วยกันระงับเหตุไฟไหม้อย่างเร่งด่วน
ด้านพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชา ต่างฝ่าเปลวเพลิงเข้าไปขนสินค้าของตนเองออกมา บางคนก็นำถังพลาสติก ใส่น้ำเข้าไปสาดไฟหวังว่า จะยังพอหยิบสินค้าออกมาได้บ้าง ถึงแม้ว่าจะเสี่ยงก็ตาม ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความโกลาหล เนื่องจากทุกคนเป็นห่วงสินค้าและทรัพย์สินของตนเอง ถึงแม้ว่า เจ้าหน้าที่จะห้ามเข้าไปก็ตามแต่ทุกคนก็ไม่ยอมฟัง มีชาวพ่อค้า แม่ค้ากัมพูชา ประมาณ 300-400 คนมามุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่างอยู่ในอาการเครียด
จากการสอบถามผู้ที่เห็นเหตุการณ์ขณะไฟไหม้ครั้งแรก เปิดเผยว่า ขณะที่ตนเองขับรถจักรยานยนต์ผ่านมาเห็นไฟช็อตที่เสาไฟฟ้า แล้วก็ลุกลามไปตามสายไฟเข้าไปไหม้ร้านที่อยู่ใกล้กับเสาไฟดังกล่าว จากนั้นไฟก็ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่า เจ้าของร้านค้าจะพยายามช่วยกันดับก็ตามแต่ก็ไม่สามารถระงับเหตุไฟไหม้ได้ในครั้งนี้
ด้าน น.ส.เลิศรัตน์ ม่วงคำ อายุ 43 ปีคนไทย ซึ่งค้าขาย อยู่ใกล้บริเวณเกิดเหตุ เล่าว่า ได้จอดรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว ทะเบียน 5กณ 7264 กทม ไว้หน้าอาคารที่เกิดไฟไหม้ ได้รีบไปเอารถ แต่ทางเจ้าหน้าที่ได้ห้ามไว้ แต่ตนสงสารรถจึงไม่ฟังได้รีบไปขับรถออก ซึ่งไฟโหมไหม้อย่างรุนแรง ทุกคนที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุก็กลัวรถจะระเบิด โชคดีที่เอาออกมาได้ทันไม่งั้นคงจะไม่วอดทั้งคัน ตอนนี้ได้โทรเรียกประกันมาดูแล้ว
ล่าสุดเมื่อเวลา 20.00น. เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้แล้ว แต่ไฟยังไหม้อยู่ โดยนายพรพจน์ เพ็ญพาส ผวจ.สระแก้ว ได้สั่งการให้รอง ผวจ.สระแก้ว ลงพื้นที่เกิดเหตุและให้เจ้าหน้าที่ระดมอุปกรณ์และรถดับเพลิงเข้าไปช่วยเหลือดับเพลิงอย่างเต็มที่ โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่รายงานว่า น่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เบื้องต้น จนท.ได้กันพื้นที่ไม่ให้บุคคลอื่นๆเข้าไปในพื้นที่ไฟไหม้ เนื่องจากต้องรอ จนท.พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุและประเมินมูลค่าเสียหายอีกครั้ง โดยเบื้องต้นคาดว่ามูลค่าเสียหายประมาณ 10 ล้านบาท)