นายกฯ ตรวจความพร้อมการเชื่อมต่อโครงข่ายการสัญจรในพื้นที่ กทม. เส้นทาง “ล้อ ราง เรือ” ยิ้มแก้มปริชาวบ้านเชียร์ให้สู้ๆ ดีใจลงเรือเห็นน้ำใสในคลอง แต่ท้ายคลองขยะเพียบ วอนลดการใช้ถุงพลาสติกบอกไทยติดอันดับ 2 ของโลกทิ้งถุงพลาสติกมากที่สุด ต้องใช้เวลา 450 ปีในการย่อยสลาย
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 15 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เดินทางไปตรวจความพร้อมการเชื่อมต่อโครงข่ายการสัญจรในพื้นที่ กทม. เส้นทาง “ล้อ ราง เรือ” พร้อมรับฟังการสรุปข้อมูลการแก้ไขปัญหาจราจรอันเนื่องมาจากการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า และแผนงานการพัฒนาการเดินเรือในคลองภาษีเจริญ และส่วนต่อขยายในอนาคต
เวลา 10.00 น. นายกรัฐมนตรี ได้ไปตรวจเยี่ยมระบบขนส่งมวลชน BTS เส้นทางจากสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ(W1) ไปยังสถานีบางหว้า (S12) โดยนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ รถไฟฟ้าบีทีเอส ได้มอบบัตรรถไฟฟ้าบีทีเอส ให้กับนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นภาพนายกรัฐมนตรีสวมชุดข้าราชการสีกากีบังคับรถไฟฟ้าเมื่อครั้งนายกรัฐมนตรีเดินทางไปเปิดสถานีรถไฟฟ้าสำโรง ซึ่งมีการเติมเงินในบัตรของนายกฯ จำนวน 500 บาท โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวยอมรับว่าไม่ได้นั่งรถไฟฟ้ามาเป็น 10 ปีแล้ว
ทั้งนี้ได้มีประชาชนตะโกนให้กำลังใจว่า “ลุงตู่สู้ๆ ลุงตู่นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่” ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ถึงกับยิ้มแก้มปริ โดยการขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอสครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีโดยสารร่วมกับประชาชนทั่วไป ไม่มีการปิดกั้น จึงได้รับความสนใจโดยมีประชาชนทักทายอย่างต่อเนื่องโดยนายกรัฐมนตรี ได้ลุกให้ผู้โดยสารคนอื่นนั่งแทนเก้าอี้ตัวเอง รวมทั้งเดินทักทายในขบวนรถ พร้อมพูดคุยกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส
จากนั้นนายกฯ เดินทางต่อตามทางเดินยกระดับ (Skywalk) โดยนายกรัฐมนตรีได้รับฟังการบรรยายข้อมูลการเดินเรือคลองภาษีเจริญ เส้นทางส่วนต่อขยายไปวัดกำแพงบางจาก และแผนงานการพัฒนาการเดินเรือในคลองภาษีเจริญและส่วนต่อขยายในอนาคต ณ บริเวณท่าเรือตากสิน-เพชรเกษม (บางหว้า) และลงเรือที่ท่าเรือสะพานตากสินเพื่อไปยังท่าเรือวัดกำแพงบางจากระยะทาง 2.5 กิโลเมตร และเดินทางต่อไปยังวัดอินทาราม (บางยี่เรือ) ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการฟื้นวิถีชีวิตชุมชนคลองบางหลวงผ่านการท่องเที่ยวย่านประวัติศาสตร์กรุงธนบุรี
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวชมน้ำในบริเวณคลองภาษีเจริญและคลองบางกอกใหญ่ว่าน้ำใสสะอาดน่าว่ายเล่น รวมทั้งระหว่างทางผ่าน รร.วัดนวลนรดิศ ซึ่งนายกฯเคยเรียนมาก่อน ได้มีนักเรียนมารอต้อนรับบริเวณริมคลองพร้อมส่งเสียงทักทาย ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้โบกมือทักทายพร้อมทำมือสัญลักษณ์ไอเลิฟยูทักทาย
ต่อมานายกฯเดินทางโดยเรือถึงท่าเรือวัดกำแพงบางจาก และเข้ากราบสักการะเจ้าอาวาสวัดกำแพงบางจาก ก่อนจะกล่าวกับประชาชน ที่มารอต้อนรับว่า วันนี้มาตั้งใจมาเยี่ยมเยียนไม่ได้สร้างภาระให้กับใครแต่มาคิดตามการแก้ไขปัญหาจราจรในพื้นที่ กทม.และจากนี้จะมีการไปติดตามในเขตปริมณฑลและต่างจังหวัดว่าจะมีการเชื่อมโยงกันได้อย่างไร ขอให้ประชาชนทำความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่อาจส่งผลกระทบกับประชาชนที่อยู่ในบางพื้นที่ ต้องมีการเวนคืนและเยียวยา หากไม่พัฒนาถนนหนทางจะเป็นแบบเดิม แก้ไขปัญหาการจราจรไม่ได้ ส่วนการก่อสร้างรถไฟฟ้าที่ขณะนี้มีการก่อสร้างกว่า 10 สาย ไม่ได้ต้องการหวังผลกำไรจากผู้ใช้บริการแต่เป้าหมายคือต้องการพัฒนา 2 ข้างทางที่รถไฟฟ้าวิ่งผ่าน เพื่อทำให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางของอาเซียน หากไม่ทำประเทศอื่นจะมองข้ามประเทศไทยไปได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า รู้สึกดีที่เห็นลำคลองมีน้ำใสแต่ในช่วงท้ายของลำคลองยังมีปัญหาขยะอยู่ ซึ่งทุกคนต้องการให้บ้านเมืองสวยงามก็ต้องช่วยกันแก้ปัญหาโดยเฉพาะขยะและถุงพลาสติก เช่น เคยมีภาพปลาวาฬกินถุงพลาสติกจึงต้องช่วยกันโดยลดการใช้ถุงพลาสติก เริ่มจากการใช้ซ้ำถุงเดิม พร้อมขอให้ประธานชุมชนช่วยรณรงค์ด้วย เพราะขณะนี้ไทยอยู่อันดับ 2 ของโลกที่ทิ้งถุงพลาสติกมากที่สุด ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 450 ปีในการย่อยสลาย
ทั้งนี้ภายหลังการพบปะกับประชาชน นายกฯ ได้เยี่ยมชมโครงการบ้านศิลปิน ระหว่างนั้นได้มีกลุ่มเพื่อน รร.วัดนวลนรดิศ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 7 คน มารอพบ พร้อมระบุว่า พวกตนพักอาศัยอยู่แถวนี้ไม่ได้เจอนายกฯมาหลายสิบปี เห็นแต่เพียงในโทรทัศน์ พร้อมนำภาพถ่ายรูปหมู่สมัยมัธยมศึกษามาให้พล.อ.ประยุทธ์ดู ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ทักทายว่า จำได้ เพื่อนรุ่น 77 ไม่เคยลืม คิดถึงเพื่อนเสมอ จากนั้นนายกฯได้เดินทักทายประชาชนและเยี่ยมชมโครงการฟื้นวิถีชีวิตชุมชนคลองบางหลวง โดยมีหุ่นละครเล็กหนุมาน และนางสุพรรณมัจฉาจากคณะคลองบางคำนาย มาต้อนรับพร้อมมอบพวงมาลัย รวมทั้งชมการแสดงหุ่นละครเล็กผสมโขนตอน "หนุมานจับนางสุพรรณมัจฉา" ด้วย