กยศ.ลุยสืบทรัพย์ 17 ลูกศิษย์ “ครูวิภา”

2018-07-25 16:45:51

กยศ.ลุยสืบทรัพย์ 17 ลูกศิษย์ “ครูวิภา”

Advertisement

ผู้จัดการ กยศ. ชี้คดี “ครูวิภา” เตรียมสืบทรัพย์ลูกศิษย์อีก 17 รายที่เหลือ ขณะที่ “ครูวิภา” ระบุ ลูกศิษย์บางส่วนติดต่อขอโทษจะชำระหนี้เอง แต่ยังกังวลถูกเบี้ยว ยืนยันไม่ฟ้องลูกศิษย์ เพราะเป็นครู ไม่รู้สึกโกรธ แต่เสียความรู้สึก

เมื่อวันที่ นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ชี้แจงกรณี น.ส.วิภา บานเย็น ผู้บริหาร รร.แห่งหนึ่งใน จ.กำแพงเพชร ถูกฟ้องดำเนินคดีหลังค้ำประกันให้นักเรียนในกองทุนเงินให้กู้ยืนเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. ตั้งแต่ปี 2541-2542 กว่า 60 ราย ทั้งนี้กองทุนได้ตรวจสอบสถานะคดีของลูกศิษย์ทั้งหมดแล้ว พบว่าในจำนวนดังกล่าวมีผู้กู้ที่ชำระหนี้ปิดบัญชีเรียบร้อยแล้ว 29 ราย ชำระหนี้ตามปกติ 10 ราย ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีทั้งสิ้น 21 ราย

นายชัยณรงค์ กล่าวต่อว่า ในจำนวนคดีที่ถูกฟ้อง มีการยึดทรัพย์แล้ว 4 ราย ซึ่งทั้ง 4 รายนี้ ครูวิภา ได้มาชำระหนี้ในส่วนที่ค้ำประกันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งกองทุนจะดำเนินการถอนการยึดทรัพย์ต่อไป ขณะที่อีก 17 คดีที่เหลืออยู่ในขั้นตอนการบังคับคดี และหลังจากนี้ต้องดำเนินการสืบทรัพย์ของทั้ง 17 ราย คิดเป็นเงินต้นที่ค้ำประกัน ประมาณ 190,000 บาท แต่เป็นเรื่องดีที่ลูกศิษย์บางส่วนในจำนวนนี้ แสดงเจตจำนงค์โทรศัพท์มาแจ้งว่า ภายในสิ้นเดือนนี้จะมาปิดหนี้ด้วยตนเอง สำหรับการติดตามหนี้ของ กยศ. ทั้ง 17 ราย หลังจากนี้จะเช็คข้อมูลกับกองทุนประกันสังคม หากมีอาชีพรับราชการ หรือเอกชน ก็จะหักเงินชำระหนี้ผ่านเงินเดือน แต่หากมีอาชีพทำสวน ภาระก็จะตกที่ครูอยู่ดี เชื่อว่าเมื่อลูกศิษย์ทราบข่าว ว่าอาจารย์เดือดร้อน ก็ต้องกลับมาแน่นอน





ผู้จัดการ กยศ. ยอมรับว่า การติดตามหนี้ กยศ. กรณีของครูวิภาที่ผ่านมาเป็นเรื่องยาก ที่จะสืบทรัพย์ผู้กู้ กยศ. เนื่องจากที่ผ่านมา มีการสืบทรัพย์แล้วแต่ไม่พบทรัพย์สินใดๆ เพราะวัยวุฒิ ฐานะทางการเงิน ทำให้โอกาสที่จะพบทรัพย์ของผู้ค้ำประกันมีสูงกว่า

ด้าน น.ส.วิภา เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังมีความกังวลอีก 17 คนที่เหลือว่าจะแจ้งปิดบัญชีเมื่อไหร่ เพราะการบังคับคดี ยังมีการฟ้องไปเรื่อยๆตามกระบวนการ จนมาสู่การยึดทรัพย์ ที่ผ่านมารู้สึกตกใจ เพราะมีหมายศาลมาที่บ้าน โดยไม่รู้ล่วงหน้าว่าเรื่องอะไร และในฐานะผู้ค้ำประกัน ก็ไม่ทราบขั้นตอนว่า ผู้กู้ กยศ. มีการผ่อนจ่ายชำระหนี้อย่างไรบ้าง เพราะท้ายสุดแล้ว หากมีการพิพากษารวมกัน ตนก็ตกเป็นจำเลยที่ 1 พร้อมขอให้ กยศ. หาแนวทางอื่นเข้าช่วยเหลือร่วมด้วย ไม่ใช่เพียงแต่จะตามแต่เด็ก และท้ายสุดมายึดทรัพย์ตนเองเพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นทรัพย์สินมาจากมรดก หากถูกยึดก็จะเอาเงินส่วนอื่นไถ่ทรัพย์คืน ไม่ยอมให้ขายทอดตลาด เพราะมีทรัพย์สินมีคุณค่าทางจิตใจ ส่วนแนวทางหลังจากนี้ ยืนยันไม่ฟ้องลูกศิษย์ เพราะตนเป็นครู ไม่รู้สึกโกรธ แต่เสียความรู้สึก

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดใจทั้งน้ำตาครูแบกหนี้ กยศ. แทนศิษย์