พบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 20 ราย และยังสูญหายอีกหลายร้อยคน จากเหตุการณ์เขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำในลาวแตก จนมวลน้ำมหาศาลหลั่งไหลเข้าท่วมหมู่บ้าน 7 แห่ง เกือบมิดหลังคา
สำนักข่าวรอยเตอร์และบีบีซี รายงานความคืบหน้าการพังถล่มของเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ “เซเปียน เซน้ำน้อย” ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ในอำเภอสนามชัย แขวงอัตตะปือ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของลาว เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น.ของคืนวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ทำให้มวลน้ำมหาศาล 5 ล้านลูกบาศก์เมตร ไหลทะลักเข้าท่วมอาคารบ้านเรือนของประชาชน ซึ่งคาดว่าน่าจะมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากและสูญหายหลายร้อยคน
ล่าสุดบีบีซีอ้างรายงานของสำนักข่าวลาว นิวส์ ระบุว่า พบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 20 ราย และยังสูญหายอีกมากกว่า 100 คน จากน้ำท่วมใหญ่ หลังเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำดังกล่าว ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างพัง โดยเจ้าหน้าที่พบว่าเขื่อนแห่งนี้มีบางส่วนชำรุดเสียหายเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา และชาวบ้านจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง ก็ได้รับคำสั่งให้อพยพ และเขื่อนมาพังถล่มในช่วงกลางคืนวันจันทร์ ส่งผลให้มวลน้ำมหาศาลไหลทะลักเข้าท่วมฉับพลันใน 7 หมู่บ้าน ประชาชนกว่า 6,600 คน ไร้ที่อยู่อาศัยทันที มีภาพของชาวบ้าน รวมทั้งเด็กเล็ก ต้องหนีน้ำขึ้นไปหลบภัยอยู่บนหลังคาบ้าน ที่ถูกน้ำท่วมเกือบมิด

สำนักงานบริหารของแขวงอัตตะปือ เรียกร้องให้หน่วยงานบรรเทาทุกข์เข้าไปให้ความช่วยเหลือเหยื่อน้ำท่วม และยังเรียกร้องให้หน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ, หน่วยงานธุรกิจ, เจ้าหน้าที่ของรัฐ, ตำรวจและทหาร รวมทั้งประชาชนชาวลาวด้วย ร่วมแรงร่วมใจกันให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินผู้ประสบภัยครั้งนี้
บีบีซีระบุว่า แขวงอัตตะปือ เป็นจังหวัดทางใต้สุดของลาว และมีพรมแดนติดกับกัมพูชาและเวียดนาม มีชื่อเสียงด้านอุตสาหกรรมการเกษตร และป่าไม้ ส่วนไฟฟ้าจากเขื่อนพลังงานน้ำก็เป็นอีกสิ่งสำคัญที่ลาวส่งขายให้ประเทศเพื่อนบ้านนำเงินเข้าประเทศเป็นกอบเป็นกำ

เขื่อนที่พังถล่มนี้ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำเซเปียน เซน้ำน้อย ซึ่งบริษัทที่เข้าไปรับเหมาก่อสร้าง มีทั้งบริษัทของลาว ไทยและเกาหลีใต้ โดยบริษัทเอสเค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น ซึ่งเป็นบริษัทของเกาหลี ที่มีหุ้นส่วนในโครงการนี้ แถลงว่า พบรอยแตกครั้งแรกของเขื่อนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก่อนที่มันจะพังถล่มลงมา
บริษัทผู้ก่อสร้างเขื่อนแห่งนี้ คือเซเปียน-เซน้ำน้อย พาวเวอร์ คอมปานี หรือพีเอ็นพีซี ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนเกาหลีใต้, ไทยและลาว มูลค่าการก่อสร้างอยู่ที่ประมาณ 1,020 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 34,000 ล้านบาท และสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 1,860 กิโลวัตต์ต่อปี
การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการนี้ เสร็จสิ้นในเดือนพฤศจิกายน 2551 การก่อสร้างเริ่มต้นขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2556 และคาดว่าโครงการนี้จะเริ่มดำเนินการทางธุรกิจได้ในปี 2561
ด้นบริษัทราชบุรี อิเลกทริซิตี เจเนเรติ่ง โฮลดิง บริหษัทผู้ถือหุ้นหลักของไทย ออกแถลงการณ์ฉบับหนึ่งว่า เขื่อนมีรอยปริแตก หลังจากฝนตกหนักต่อเนื่อง ซึ่งทำให้มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้น้ำไหลเข้าพื้นที่และลงแม่น้ำเซเปียน ที่อยู่ห่างออกไป 5 กิโลเมตร