ดีเอสไอแถลงร่วมกรมศุลกากรเผยได้รับราคารถหรูจากต่างประเทศแล้ว เร่งตรวจสอบรถหรูเลี่ยงภาษีในไทย
พันตำรวจเอกไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พร้อมด้วย พันตำรวจโทกรวัชร ปานประภากร รองอธิบดี ดีเอสไอ นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร และรองอธิบดีกรมศุลกากร ได้ร่วมกันแถลงข่าวการประสานความร่วมมือระหว่าง ดีเอสไอกับ กรมศุลกากร ในเรื่องของการตรวจสอบรถยนต์หรู ที่หลีกเลี่ยงภาษี หลังจากปฏิบัติการของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าบุกตรวจค้นขบวนการนำเข้ารถยนต์หรูที่ หลีกเลี่ยงภาษีอากร โดยการสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริงรวม 15 จุด โดยสามารถอายัดรถยนต์ รวมทั้งสิ้น 160 คัน
พันตำรวจเอกไพสิฐ ระบุว่าล่าสุดดีเอสไอได้รับราคาของรถยนต์หรูที่มีการผลิตในต่างประเทศ มาแล้วซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในการประสานความร่วมมือการตรวจสอบการนำเข้ามาว่ามีการเลี่ยงภาษีหรือไม่
ขณะเดียวกัน หน่วยต่อต้านการโจรกรรมรถยนต์ สหราชอาณาจักร (NaVCIS) ประสานข้อมูลกับดีเอสไอ ว่ามีรถยนต์ที่มีการแจ้งหายไว้ที่สหราชอาณาจักร 42 คัน เบื้องต้นดีเอสไอพบรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมมา 10 คัน อยู่ในประเทศไทย ซึ่งดีเอสไออายัดไว้แล้ว 7 คัน , มีผู้ซื้อไปแล้ว 2 คัน และอยู่ในเขตปลอดภาษีของกรมศุลกากร 1 คัน
ส่วนรถที่เหลืออีก 32 คัน คาดว่ายังอยู่ในประเทศไทย แต่จะมีการเคลื่อนย้ายออกจากประเทศไปหรือไม่ อยู่ระหว่างการประสานประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากก่อนหน้านี้ ทางกรมศุลกากรมีข้อมูลว่าประเทศเพื่อนบ้านมีรถที่หลีกเลี่ยงภาษีไปปรากฎบนถนนเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ต้องรอข้อมูลที่ชัดเจนก่อน
สำหรับการติดตามอายัดรถที่หลีกเลี่ยงภาษีและสำแดงราคาต่ำ เบื้องต้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสาร เพื่อคัดแยกบริษัทรถนำเข้าที่เข้าข่ายทุจริต และบริษัทที่ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมยืนยันว่ามีบางบริษัทร่วมกันตั้งเป็นกลุ่มทุจริตนำรถหรูเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างขอข้อมูลกับบริษัทผู้นำเข้าย้อนหลัง 5 ปี ซึ่งคาดว่าจะมีรถประมาณนับพันคัน
ส่วนรถที่ถูกอายัดไว้ อธิบดีดีเอสไอ ระบุว่า จะไม่มีการเคลื่อนย้ายรถมาแต่อย่างใด จะเรียกเพียงผู้ครอบครองมาสอบสวนว่ามีส่วนรู้เห็นว่ามีการซื้อรถมาโดยผิดกฎหมายหรือไม่
ด้านนายชัยยุทธ คำคูณ รองอธิบดีกรมศุลกากร ยอมรับว่าที่ผ่านมากรมศุลกากรไม่มีมาตรฐานราคากลางของรถหรูที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ แต่ใช้วิธีการตรวจสอบเอกสารการซื้อขายระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายว่าตรงกันหรือไม่ ซึ่งอาจทำให้ผู้ประกอบการฉวยโอกาสช่องว่างนี้ในการกระทำความผิด แต่ขณะนี้ดีเอสไอได้ข้อมูลราคาการซื้อขายของรถจากบริษัทผู้ผลิตรถมาแล้ว ซึ่งหากพบรถต้องสงสัยประสานมาจะทำให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบได้ว่ารถที่นำเข้ามาสำแดงราคาถูกต้องตามความเป็นจริงไม่
นอกจากนี้จากปฏิบัติการอายัดรถดังกล่าว ดีเอสไอ ได้จับกุมบุคคลแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ DSI เรียกรับผลประโยชน์เป็นเงินจากบริษัทหรือตัวแทนผู้จำหน่ายจำนวน5หมื่นบาท โดยอ้างว่าสามารถให้ความช่วยเหลือหรือเจรจาต่อรองไม่ให้ถูกดำเนินคดีได้ และจากการตรวจสอบของ “เจ้าพนักงานป้องกันและปราบปราม” ตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 13/2559 และกรมสอบสวนคดีพิเศษพบนายอรรคพล ทรัพย์พูลปฐม เป็นผู้กระทำความผิดโดยนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก ดำเนินคดีแล้วโดยนายอรรคพลไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอแต่อย่างใด พร้อมยืนยันดีเอสไอไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์ใดๆ อย่าหลงเชื่อ