เหยื่อสาวที่ถูกคนร้าย 5 คน กระชากหัวอุ้มขึ้นรถ บุกเข้าพบ ผวจ.กาฬสินธุ์ เพื่อขอมอบตัว หลังตนเองตกเป็นผู้ต้องหาในคดีค้ายาเสพติดซะเอง! ในท้องที่ จ.มหาสารคาม พร้อมกับยืนยันว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติดที่ตำรวจขยายผลไปพบในห้องพักของตนถึง 4 พันเม็ด
จากกรณีกล้องวงจรปิดจับภาพเหตุการณ์รถเก๋งยี่ห้อเชฟขับตามเข้ามาปาดหน้ารถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า ของ น.ส.เอ ซึ่งมากับเพื่อนชายอีก 2 คน ก่อนที่จะมีชาย 2 คน สวมเสื้อสีแดง คนหนึ่งถือมีดยาวประมาณ 1 ฟุต พยายามลงมือทำร้ายเหยื่อ และกระโดดถีบกระจกรถ จากนั้นได้มีรถกระบะขับตามมาสมทบก่อนที่จะมีชาย 1 คน ลงมากระชากผม น.ส.เอ อายุ 26 ปี แล้วนำไปขึ้นรถกระบะขับหลบหนีไป และนำตัว น.ส.เอ.ไปกักขังไว้ที่โกดังร้างข้างถนนทางเข้าตัว อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ และโทรศัพท์ไปหาพ่อ แม่ และญาติของ น.ส.เอ เพื่อแลกกับการไถ่ตัว โดยเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 22.30 น.วันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งต่อมาตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ และชุดสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ สามารถจับกุมตัวนายมานะศักดิ์ อุดมพันธ์ หรือเปรี้ยว อายุ 23 ปี, นายสุรศักดิ์ จันทร์เพ็ง หรือ แป๋ม อายุ 20 ปี และนายธนารัตน์ ภูโชคชัย หรือ โชค อายุ 23 ปี และ นายรัฐศาสตร์ ภูนายาว อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นชายในคลิปกล้องวงจรปิดที่ดึงกระชากผม น.ส.เอ ลงจากรถ และนายศุภมิตร บัญชา อายุ 30 ปี ผู้ร่วมขบวนการที่เข้ามามอบตัวในภายหลังได้แล้วทั้งหมดตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. เกิดเหตุโกลาหลขึ้นที่ศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ หน้าห้อง ผวจ.กาฬสินธุ์ เนื่องจาก มีหญิงสาวอายุประมาณ 20 ปี ท่าทางลุกลนได้เข้ามาติดต่อเพื่อขอพบ นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.กาฬสินธุ์ โดยให้เหตุผลการเข้าพบว่าต้องการจะพูดคุยกับท่านผู้ว่าฯ เท่านั้น เจ้าหน้าที่จึงได้สอบถามสาเหตุการเข้าพบจึงทราบว่า หญิงสาวคนดังกล่าวคือ น.ส.ประภาพรรณ ภูอุทา หรือโอปอ อายุ 20 ปี ชาวบ้านนาเชือก ต.นาเชือก อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นหญิงสาวที่ปรากฏในคลิปของกล้องวงจรปิดจากเหตุการณ์ที่ตกเป็นผู้เสียหาย ในคดีอุ้มหน้าจวน ผวจ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา

เจ้าหน้าที่จึงได้อนุญาตให้นั่งรอ จนเมื่อ นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.กาฬสินธุ์ กลับมาจากประชุม จึงได้อนุญาตให้ น.ส.ประภาพรรณ ภูอุทา เข้าพบ โดยใช้เวลาในการพูดคุยส่วนตัวเป็นเวลาประมาณ 10 นาที แต่ในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้ทำการตรวจสอบและแจ้งไปยัง พ.ต.อ.ธีรพัฒน์ ธารีไทย ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่ถึงกับตกใจเมื่อทราบว่า น.ส.ประภาพรรณ ภูอุทา หรือโอปอ จากเดิมที่เป็นผู้เสียหายในคดีอุ้ม ขณะนี้ได้กลายเป็นผู้ต้องหาในคดีค้ายาบ้าถึง 4,000 เม็ด โดยมีหมายจากศาลจังหวัดมหาสารคาม เลขที่ จ.142/2561 ลงวันที่ 16 ก.ค. 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ กว่า 10 นาย จึงได้ขึ้นมาเฝ้ารอเพื่อทำการจับกุมถึงหน้าห้อง ผวจ.กาฬสินธุ์ ภายหลังจากพบผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ น.ส.ประภาพรรณฯ ผู้ต้องหา ยังได้ขอให้ตนเองได้ร้องขอความเป็นธรรมต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ เนื่องจากเชื่อว่าตนเองถูกปรักปรำในกรณีค้ายาบ้า ซึ่งก็ได้เข้าพบเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม และเขียนขอร้องเรียนให้มีการตรวจสอบ โดยปฏิเสธว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการค้ายาบ้าที่ถูกค้นพบในห้องพักของตนเองในครั้งนี้

ด้าน นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ก็เป็นสิทธิ์ที่จะต้องให้ความเป็นธรรม เรื่องนี้ไม่รู้ว่าใครพูดจริงหรือไม่ เพราะ น.ส.โอปอ อ้างว่า ตนเองตกเป็นเหยื่อของแก๊งค้ายาเสพติด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในเหตุที่ จ.กาฬสินธุ์ นั่นคือผู้เสียหายในคดีเรียกค่าไถ่ แต่ปัจจุบันก็ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีค้ายาบ้าในท้องที่ จ.มหาสารคาม ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ที่จะขอความเป็นธรรมจากศูนย์ดำรงธรรม เมื่อมีการกล่าวอ้างก็ต้องทำหน้าที่สอบสวนเพราะสิ่งที่ น.ส.โอปอ อ้างนั้น บอกว่ามี เจ้าหน้าที่เอี่ยวในเรื่องยาเสพติดด้วย

ด้าน พ.ต.อ.รัชพล เสริมศรัณย์ ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากหน้าห้องผู้ว่าราชการจัวหวัดกาฬสินธุ์ ก็ได้รีบส่งเจ้าหน้าที่ไปจับกุมเนื่องจาก น.ส.โอปอ ขณะนี้เดิมเป็นผู้เสียหาย แต่ปัจจุบันเป็นผู้ต้องหาในคดีค้ายาบ้าแล้ว ทั้งนี้เกิดจากทางสืบสวนทราบว่า เหตุกระชากหัวเรียกค่าไถ่หน้าจวนผู้ว่าฯนั้น ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคามจังหวัดมหาสารคาม และ ตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้จับกุม แฟนหนุ่มของ น.ส.โอปอ ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค. 2561 เนื่องจากพบยาบ้าจำนวน 4,000 เม็ด ภายในห้องพักของ น.ส.ประภาพรรณฯ และจากการขยายผลมีการซัดทอดถึง น.ส.ประภาพรรณ หรือโอปอ ตำรวจ สภ.เมืองมหาสารคาม จึงได้ขออนุมัติหมายจับ ซึ่ง ศาลจังหวัดมหาสารคาม จึงได้ออกหมายจับให้ เมื่อวันที่ 16 ก.ค.2561 จับกุมตัว น.ส.ประภาพรรณ ภูอุทา อายุ 20 ปี ในข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฏหมาย

“ดังนั้นคดีนี้ต้องแยกเป็นสองท้องที่ คือคดี เรียกค่าไถ่ก็จะดำเนินคดีในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ส่วนคดีค้ายาบ้าก็จะดำเนินคดีในท้องที่จังหวัดมหาสารคาม”
ภายหลังจากที่ น.ส.ประภาพรรณ หรือโอปอ ภูอุทา ร้องศูนย์ดำรงธรรมแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ทำการจับกุมตามหมายจับศาลจังหวัดมหาสารคาม ในข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และได้นำตัวไปลงบันทึกประจำวันก่อนจะส่งตัวไปยัง สภ.เมืองมหาสารคาม ดำเนินคดีต่อไป