นี่คือเรื่องราวอันน่าเศร้าที่เกิดกับหมาน้อยหลายพันชีวิต ที่ถูกทอดทิ้งอย่างเดียวดาย ในพื้นที่เขตรอบเมืองเชอร์โนบิล ประเทศยูเครน ย้อนไป ปี ค.ศ. 1986 หรือ 28 ปีมาแล้ว ได้เกิดเหตุระเบิดอย่างรุนแรงที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ประชาชนหลายแสนคน ต้องอพยพทิ้งบ้านทิ้งเมืองในทันที เพราะอาจเกิดความอันตรายจากสารกัมมันตภาพรังสีที่แพร่กระจายในชั้นบรรยากาศ
ด้วยความรีบเร่งในการอพยพ เพื่อรักษาชีวิตมนุษย์ ทำให้ผู้คนต้องทิ้งสัตว์เลี้ยงในทันทีเพื่อเอาตัวสมาชิกครอบครัวออกมาจากเมืองนรกให้ได้เสียก่อน
จนถึงปัจจุบัน น้องหมาจรจัดในเชอร์โนบิล ได้ออกลูกออกหลาน จนมีมากกว่า 1,000 ตัว พวกมันใช้ชีวิตเพียงลำพัง ในเมืองที่ไม่มีแม้แต่มนุษย์ ไม่มีอาหาร ไม่มีที่พัก ในช่วงฤดูหนาวอันแสนหนาวเหน็บ พวกมันต้องต่อสู้กับหิมะ ที่ปกคลุมทั่วทั้งเมือง
ลูคัส ฮิกสัน ผู้ก่อตั้งองค์กร Clean Future Fund ได้เข้ามาพื้นที่รอบนอกของเบอร์โนบิล เมื่อ 4 ปีที่แล้ว และตกใจเป็นอย่างมาก กับประชากรสุนัขจรจัด ที่มีมากหลายพันตัว
เราเริ่มทำการสำรวจในพื้นที่ 30 ตารางกิโลเมตร พบว่ามีสุนัข 900-1,000 ตัว ในช่วง 2 ปีที่เราทำโครงการช่วยเหลือสุนัข เราสามารถช่วยเหลือได้ 650 ตัว โดยใน 1 ปี เราจะพาทีมสัตวแพทย์มา 1 ครั้ง ใช้เวลาอยู่กับพวกเขานาน 1 เดือน
ในแต่ละปี อาสาสมัคร จะเข้าพื้นที่ 2-3 สัปดาห์ เพื่อทำการฉีดวัคซีน และตรวจร่างกายน้องหมา
พวกมันไม่มีอาหาร หรือแม้แต่น้ำ นอกเสียจากคนงานข้างนอกจะโยนอาหารมาให้พวกมันกิน พวกมันใช้ชีวิตลำพังอย่างน่าอนาถ ในฤดูหนาวที่หิมะตก ก็ไม่มีที่ซุกตัวหลบจากความหนาวเย็น แต่พวกคุณจะเห็นได้ว่า พวกมันเป็นน้องหมาที่สุขภาพดี น่ารัก มันขี้เล่น และชอบพบปะผู้คน
โครงการรับเลี้ยงน้องหมาจากเชอร์โนบิลจึงเกิดขึ้น เพื่อช่วยชีวิตน้องหมาเหล่านี้ ให้มีบ้านใหม่ มีขีวิตที่ยืนยาว ไปอยู่กับครอบครัวที่ดูแลพวกมันได้อย่างดี
โดยทีมงานอาสาจะทำการคัดเลือกสุนัขที่อายุน้อย กว่า 4 ปี ทำการตรวจวัดปริมาณกัมมันตรังสีบนเส้นขนสุนัข ให้วัคซีน ให้ยาบำรุง และ นำภาพกับข้อมูลสุนัขอัพโหลดขึ้นเว็บไซต์ เพื่อให้คนรักสุนัขในสหรัฐฯ เข้ามาดูเพื่อรับอุปการะ
ล่าสุดตอนนี้ มีน้องหมาเชอร์โนบิล 15 ตัว ได้พบกับเจ้าของใหม่ มีชีวิตที่ดีมีความสุข และคาดว่าองค์กร CFF จะเร่งหาบ้าน ให้น้องหมา อีก 200 ตัวต่อไปจนกว่าจะหมด