“สารี”แฉสารพัดอาหารใช้ “ไขมันทรานส์”

2018-07-17 13:35:33

“สารี”แฉสารพัดอาหารใช้ “ไขมันทรานส์”

Advertisement

“สารี” หนุนยุติการใช้ “ไขมันทรานส์” ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพทั้งโรคหัวใจหลอดเลือด พบสารพัดใน ขนมเค้ก ขนมอบกรอบ ครีมเทียม เนยเทียม เครื่องดื่มใส่ครีมเทียม พิซซ่า ป๊อบคอร์น โดนัท จี้ อย. ตรวจสอบผู้ประกอบการทำตามประกาศหรือไม่

จากกรณีที่ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย โดยระบุว่า ปรากฏหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนว่ากรดไขมันทรานส์ (Trans Fatty Acids) จากน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน (Partially Hydrogenated Oils) ส่งผลเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ทั้งนี้ ให้ประกาศดังกล่าวใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 180 วัน นับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 13 มิ.ย.2561



เมื่อวันที่ 17 ก.ค. น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) กล่าวว่า ประกาศฉบับนี้ มีผลบังคับใช้อีก 180 วัน ซึ่งคิดว่านานไป แต่ก็ต้องยอมรับและเป็นการให้โอกาสผู้ประกอบการในการเตรียมตัวที่จะเปลี่ยนสูตรในการผลิต โดยไขมันทรานส์มักพบอยู่ในขนมเค้ก ขนมอบกรอบ ครีมเทียม หรือเนยเทียม กาแฟใส่ครีมทรีอินวัน เครื่องดื่มที่ใส่ครีมเทียม พิชซ่า ป๊อบคอร์น โดนัท ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพทั้งโรคหัวใจหลอดเลือด เมื่อเป็นโรคดังกล่าวจะมีความรุนแรงและมีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง จึงคิดว่ามีความจำเป็นที่ต้องยุติการใช้ไขมันทรานส์

น.ส.สารี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา มพบ. ได้มีการแถลงผลทดสอบไขมันทรานส์ในโดนัท รสช็อกโกแลต จำนวน 13 ยี่ห้อ พบว่ามี 5 ยี่ห้อ ที่มีปริมาณไขมันทรานส์อยู่ในเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลกกำหนด หลังจากนั้นมีผู้ประกอบการ 2 ราย ที่ มพบ. เผยผลทดสอบออกมาแล้วพบว่ามีส่วนผสมไขมันทรานส์เกินมาตรฐาน ได้ทำจดหมายมาถึง มพบ. ว่าได้เปลี่ยนสูตรการทำโดนัทแล้ว





“เราสนับสนุน อย. ในการออกประกาศฉบับนี้ เนื่องจากเป็นผลดีต่อทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ ด้วยระยะเวลา 180 วัน น่าจะเพียงพอที่ผู้ประกอบการจะมีการปรับตัวและหันมาปรับปรุงสูตร อีกทั้งเมื่อผู้บริโภคตื่นตัวเรื่องไขมันทรานส์ ก็จะทำให้ผู้ประกอบการหันมาสนใจเรื่องนี้มากขึ้นและนำไปสู่การปรับปรุงสูตร ซึ่งจะเป็นผลดีกลับไปสู่ผู้บริโภคต่อไป นอกจากนี้ หลังออกประกาศไปแล้ว อย. ควรติดตามตรวจสอบด้วยว่าผู้ประกอบการมีการทำตามระเบียบฉบับนี้มากเพียงใด คิดว่าเวลา 6 เดือนเพียงพอสำหรับผู้ประกอบการในการปรับเปลี่ยนตรงนี้” น.ส.สารีกล่าว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฟันแล้ว! สธ. แบน “ไขมันทรานส์” เด็ดขาด