ปัญหาสุขภาพจิตของไทยอาจลุกลามบานปลายกลายเป็นวาระแห่งชาติดังเช่นประเทศต่างๆ ที่ประสบพบกัน เพราะจากปัจจัยสำคัญนี้นั้นเป็นสาเหตุใหญ่ๆ ของการ "ฆ่าตัวตาย" โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) จำเป็นต้องกำหนดให้วันที่ 10 กันยายน ของทุกๆ ปี เป็นวันป้องกันการฆ่าตัวตาย ซึ่งในประเทศไทยมีแนวโน้มของอัตราการฆ่าตัวตายสูงขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี
ทางองค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่าในปีหนึ่งๆ มีผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายถึงปีละกว่า 1 ล้านคน คิดเป็นผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จ 1 คนในทุก 40 วินาที และมีผู้ที่ฆ่าตัวตายไม่สำเร็จอีกอย่างน้อย 10-30 เท่า ในประเทศไทยอัตราเฉลี่ยการฆ่าตัวตายสำเร็จลดลงจาก 8 รายต่อประชากร 1 แสนคนในปี พ.ศ.2540 มาอยู่ที่ 5-6 ราย ต่อประชากร 1 แสนคนในปัจจุบัน สถิติในปีที่ผ่านมา มีคนไทยฆ่าตัวตายทุก 2 ชั่วโมง หรือ 3,900 คน ซึ่งสาเหตุหลักของการฆ่าตัวตายนั้นมาจากความเปลี่ยนแปลงทางสังคม ทำให้เกิดความรู้สึกแปลกแยก มีปัญหาการสื่อสารกับคนรอบข้าง ไม่ได้รับความอบอุ่นจากครอบครัว
ปัจจัยรองลงมาคือปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้าชีวิต ปัญหาเงินทอง หนี้สินจากการพนัน โรคภัยเรื้อรังรุมเร้า จึงพยายามทำร้ายตัวเอง เพื่อประชดในสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนคนที่ฆ่าตัวตายนั้นส่วนใหญ่ร้อยละ 67 พบว่า มักใช้วิธีการแขวนคอฆ่าตัวตาย รองลงมาคือการใช้ยาพิษและอาวุธปืน
ดังนั้น การสังเกตผู้ใกล้ชิดว่ามีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปเช่นแยกตัว บ่นอยากตาย พูดฝากฝังสิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้า ดังนั้น การทำให้ความรู้สึกเจ็บปวดทรมานขณะนั้นจางลงและหายไปก่อนที่จะทำร้ายตนเองก็เป็นส่วนที่ทำให้ผู้ทุกข์ใจเหล่านั้นไม่ต้องทำร้ายตนเอง
เพราะเมื่อขึ้นชื่อว่า “ปัญหา” คงไม่มีใครอยากรับมือกับมันสักเท่าไร แต่หากเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ อีกทั้งยังเป็นการจุดชนวนให้เกิดความเครียดมากยิ่งขึ้น บ่อยครั้งที่ถึงขั้นคิดสั้นฆ่าตัวตาย เพื่อจบปัญหาเลยก็เป็นได้
ทั้งนี้ ไม่ว่าเราจะพบเจอกับผู้คนที่กำลังประสบปัญหาเหล่านี้ หรืออยากจะล้อมคอกป้องกันเหตุไว้ก่อน การให้กำลังใจ ให้ความหวัง หยิบยื่นความรู้สึกดีๆ ต่อคนรอบข้าง จะสามารถช่วยสร้างกำลังใจให้ตัวเองและคนๆ นั้นได้อีกประการหนึ่ง หรือเมื่อรู้สึกท้อใจ ทุกข์ทน หาคนที่พูดคุยปรึกษาด้วยไม่ได้ ให้โทร. 1323 เพื่อรับบริการให้คำปรึกษาสุขภาพจิตของกรมสุขภาพจิต โดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาอยู่ สายด่วนสุขภาพจิตโรงพยาบาลราชวิถี โทร. 0-2354-8152 สมาคมสะมาริตันส์ โทร. 0-2713-6790 เหล่านี้ก็เป็นอีกที่พึ่งหนึ่งของผู้ที่ยังตกอยู่ในความรู้สึกเจ็บปวดนั้น การหาที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจโดยอาศัยหลักธรรมคำสั่งสอนทางศาสนาก็ทำให้จิตใจสบายขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นคือประเด็นรองของวันนี้ เพราะเรื่องที่จะพูดถึงหลักๆ คือการ “ฆ่าตัวตาย” และคงไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไปแล้วสำหรับสังคมคนไทย เพราะมีการนำเสนอให้เห็น ให้เสพกันจากสื่อต่างๆ มากมาย และบางทีอาจบังเอิญประสบพบเจอกับตัวเองก็เป็นได้ แต่เราเคยฉงนสงสัยกันหรือไม่ว่า เหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นจากอะไร “ฆาตกรรม หรือ อุบัติเหตุ” และอาจจะเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น สิ่งที่ยังมิอาจพิสูจน์ได้ อย่างความเชื่อเรื่อง “อาถรรพณ์ตัวตายตัวแทน”
ดั่งเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา เวลา 16.40 น. มีรายงานว่า เกิดเหตุมีผู้พลัดตกจากที่สูงเสียชีวิต ภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านลาดพร้าว ข้อมูลเบื้องต้นเผยว่า ผู้เสียชีวิตเป็นผู้หญิงสวมเสื้อลาย ขาว-ดำ กางเกงขายาว รองเท้าสีแดง ตกจากชั้น 6 ซึ่งเป็นชั้นโรงภาพยนตร์ของห้างสรรพสินค้าดังกล่าว หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ห้างสรรพสินค้า ที่เกิดเหตุได้กันพื้นที่ เนื่องจากมีประชาชนมุงดูเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงาน เพิ่มเติม 17.30 น. จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบเอกสารผู้พลัดตกจากที่สูงเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ระบุชื่อ นางสาวประดิฏฐา อายุ 42 ปี ที่อยู่ตามบัตรประจำตัวประชาชน 3 หมู่ 7 ต.พลสงคราม อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา สำหรับสาเหตุที่พลักตกลงมาอยู่ระหว่างการตรวจสอบกล้องวงจรปิด รวมถึงพยานหลักฐานภายในที่เกิดเหตุ
เมื่อสาเหตุของการตายที่พิสูจน์ออกมาแล้วว่าไม่ใช่การฆาตกรรม ก็ต้องตัดข้อสงสัยเช่นนี้ออกไป แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจและยังคลางแคลงใจผู้คนอยู่คือการตายในที่เดิมๆ ซ้ำๆ ทั้งนี้ผู้คนที่อาศัยในละแวกใกล้เคียงและพนักงานที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์นี้ ว่า อาจเป็นเพราะแรงอาถรรพ์ตัวตายตัวแทน ตามความเชื่อที่เล่าลือกันมาหลายต่อหลายปีก็เป็นได้
เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยมีเหตุการณ์ลักษณะคล้ายกันเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง โดยครั้งหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2556 นายชัยยุทธ ติณจินดา อายุ 63 ปี อดีตข้าราชการบำนาญ สำนักการคลัง กรุงเทพมหานคร ได้กระโดดลงมาจากลานจอดรถชั้น 5 ของห้างชื่อดังเสียชีวิต ด้วยสาเหตุจากภาวะเครียดและโรคซึมเศร้า
อีกครั้งเมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2558 หญิงวัยเกษียณ อายุ 56 ปี กระโดดจากลานจอดรถชั้น 6 ลงมากระแทกพื้นด้านล่างเสียชีวิต หลังสอบถามจากลูกชายถึงสาเหตุการตายในครั้งนี้ ก็ทำให้ทราบว่าผู้ตายมีอาการเครียดและเป็นโรคซึมเศร้า หลังจากเกษียณราชการมาได้ 5-6 ปี ที่ผ่านมาผู้ตายยังเคยพยายามจะฆ่าตัวตายที่ห้างนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เคราะห์ดี มีคนมาช่วยได้ทัน
และเมื่อย้อนกลับไปอีกหนึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี 2552 มีนักเรียนหญิงวัย 14 ปี คิดสั้นฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงมาจากลานจอดรถชั้น 4 เสียชีวิต สาเหตุนั้นมาจากการผิดหวังในความรัก เนื่องจากพบจดหมายลาตาย ที่ระบุตัดพ้อเรื่องของความรักที่ไม่สมหวัง ซึ่งพยานผู้พบเห็นระบุว่า ผู้ตายมีอาการเซื่องซึม ก่อนที่จะตัดสินใจดับชีวิตตัวเองในที่สุด
ด้วยเหตุการณ์อันน่าสลดที่เกิดขึ้นเสมือนเป็นการตอกย้ำความเชื่อเรื่องลี้ลับนี้มากยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งผู้ที่มีความเชื่อเรื่องอาถรรพณ์ต่างคาดกันว่า คนตายที่เคยอยู่ตรงจุดนั้น ต้องการที่จะหาใครสักคนมาแทนที่ตัวเอง เพราะจากเหตุสยองหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา ผู้คนได้ใช้บริเวณของห้างดังกล่าวเป็นสถานที่ในการดับชีวิตตัวเอง ซ้ำร้ายผู้ที่ฆ่าตัวตายยังมีอาการในลักษณะเดียวกันอีกด้วย
แต่ในความเชื่อเรื่องตัวตายตัวแทน ก็ยังมีคนที่สงสัยในความเชื่อนี้ และตั้งคำถาม ว่า การเป็นตัวตายตัวแทนนั้นคือคนที่ตายตรงไหนด้วยอุบัติเหตุหรืออะไรก็แล้วแต่ต้องหาตัวแทนไปอยู่ตรงนั้นถึงจะหลุดพ้นได้จริงไหม ? ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ? มีวิธีการไหนจะช่วยให้หลุดพ้นบ่วงกรรมนี้ได้ ?
ทางทีมข่าวสกู๊ปพิเศษ นิว18 จึงต่อสายหาผู้รู้ที่เชี่ยวชาญศาสตร์ลึกลับนี้โดยเฉพาะ ซึ่งกูรูผู้นี้ได้แสดงความคิดเห็นส่วนตัวรองรับกับคำถาม ว่า เรื่องตัวตายตัวแทนนั้นเป็นเรื่องจริง สาเหตุที่ผู้ตายจะต้องไปตายตรงจุดนั้นเป็นเพราะอดีตชาติของผู้ตายก่อกรรมหนักเอาไว้แล้วเจ้ากรรมนายเวรแค้นหนักเลยตามมาพรากชีวิตก่อนเวลาสิ้นอายุขัย ทำให้ผู้นั้นต้องประสบอุบัติเหตุหรือเกิดความคิดฆ่าตัวตาย เพื่อชดใช้กรรมไปผุดไปเกิดยังไม่ได้ เพราะยังไม่ถึงคราวต้องตาย
ฉะนั้น การที่ผู้ตายต้องติดเป็นตัวตายตัวแทนเพราะบ่วงกรรม ต่อให้ปัจจุบันจะเป็นคนดี แต่ถ้าอดีตทำไว้ไม่ดีก็ต้องรับกรรมที่เคยก่ออยู่ดี จะช่วยวิญญาณตนนี้ก็ต้องสร้างบุญใหญ่สร้างวัดสร้างศาลาโบสถ์วิหาร คือร่วมสร้างก็ได้ และการบวชส่งบุญจะช่วยให้ผู้ตายพ้นกรรมได้ไวขึ้น อย่าลืมว่ากรรมใดใครก่อกรรมนั้นจะสนองผู้ก่อกรรมอย่างแน่นอน
ถึงแม้เหตุการณ์ทั้งหมดจะเกิดขึ้นในลักษณะคล้ายกัน และถึงแม้จะมีคนเชื่อว่าเป็นเพราะอาถรรพ์ตัวตายตัวแทนก็ตามที แต่ทว่า ความคิดเห็นที่ทีมข่าวสกู๊ปพิเศษได้นำเสนอไป เป็นเพียงข้อมูลทางฝ่ายเดียวที่มีความเชื่อเช่นนี้ และยังไม่มีผู้ใดออกมายืนยันหรือพิสูจน์ได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้มาจาก "อาถรรพณ์ตัวตายตัวแทน" อย่างแท้จริง