จากเหตุการณ์ที่นายโสภณ สร้อยสูงเนิน หรือช้าง อายุ 28ปี นักโทษของเรือนจำชั่วคราวเขาพลอง ต.เขาท่าพระ อ.เมืองชัยนาท ได้หลบหนีออกจากเรือนจำโดยอาศัยเดินเท้าลัดเลาะตามป่าเขาที่อยู่รอบเรือนจำ หายตัวไปเมื่อเวลาประมาณ16:00น.เมื่อวันที่ 10ก.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ผู้นำชุมชนที่อยู่โดยรอบเรือนจำต้องประกาสแจ้งเตือนให้ลูกบ้านเพิ่มความระวังเป็นพิเศษ พร้อมทั้งหากมีเบาะแสให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่นั้น
ต่อมานายนิพันธ์ จำเนียรพันธุ์ ผู้บัญชาการเรือนจำชัยนาท ได้จัดชุดไล่ล่าติดตามไปยังที่อยู่ตามทะเบียนบ้านของนายโสภณ คือ บ้านเลขที่ 64หมู่ที่ 6 ต.หาดท่าเสา อ.เมืองชัยนาท แต่ก็ไร้วี่แววเพราะบ้านหลังดังกล่าวถูกทิ้งร้าง ตั้งแต่นายโสภณถูกตัดสินจำคุกในเรือนจำเมื่อปี 2559ในคดียาเสพติด และมีกำหนดพ้นโทษในปี 2564 โดยญาติๆยืนยันว่านายโสภณไม่ติดต่อมา และจากเบาะแสที่ได้จากแหล่งข่าวทราบว่านายโสภณอาจจะไปหาลูกที่ จ.อุทัยธานี เจ้าหน้าที่จึงติดตามไปแต่ก็คลาดกัน
ล่าสุดวันที่ 11ก.ค. ผู้บัญชาการเรือนจำ จ.ชัยนาทเปิดเผยว่า สามารถติดตามจับกุมตัว นายช้าง ธัญญะอุดม หรือนักโทษชายโสภณ สร้อยสูงเนิน ได้แล้วเมื่อเวลาประมาณ02:00น.(11ก.ค.)ที่ผ่านมา ขณะที่นายช้างเข้าพักอยู่ในรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ใน อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ซึ่งเป็นผลจากการวางสายข่าว ทำให้สามารถจัดกำลังเข้าชาร์จตัวได้โดยไม่มีการต่อสู้ขัดขืน และนำตัวเข้าควบคุมในเรือนจำชัยนาท ซึ่งเป็นเรือนจำมั่นคงสูงแล้ว ส่วนเรื่องโทษของนักโทษโสภณ หรือช้างนั้น เดิมตามความผิดคดียาเสพติดจะพ้นโทษในเดือนมิถุนายน2564 แต่การหลบหนีจากที่คุมขังครั้งนี้ จะมีการแจ้งความดำเนินคดีแยกต่างหาก เนื่องจากเป็นการกระทำผิดต่างกรรม ต่างวาระ และต่างฐานความผิด ซึ่งตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 190 ผู้ใดหลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของศาล ของพนักงานอัยการ ของพนักงานสอบสวน หรือของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
