การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบ 16 ทีมสุดท้ายสิ้นสุดลงแล้ว เมื่อคืนวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ตอนนี้ เราได้รายชื่อบรรดาทีมที่ผ่านมาถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทั้งหมดมีโปรแกรมการแข่งขันดังนี้
วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม 2561
เวลา 21.00 น. อุรุกวัย – ฝรั่งเศส
อุรุกวัย ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย จากการเป็นแชมป์กลุ่ม เอ โดยเก็บชัยชนะได้ทั้ง 3 นัด ส่วนผลงานล่าสุดในรอบ 16 ทีมนั้น ทีมจากทวีปอเมริกาใต้ สามารถเขี่ยแชมป์ศึกยูโร 2016 อย่าง โปรตุเกส ตกรอบไปด้วยสกอร์ 2-1
ขณะที่ฝรั่งเศสก็ผลงานร้อนแรงไม่แพ้กัน ผ่านรอบแบ่งกลุ่มด้วยการเป็นที่ 1 ของกลุ่ม ซี ทำสถิติชนะ 2 เสมอ 1 ก่อนที่ในรอบ 16 ทีมเอาชนะอาร์เจนติน่า ของ ลีโอเนล เมสซี ไปอย่างดุเดือด 4-3
เวลา 01.00 น. บราซิล – เบลเยี่ยม
บราซิล ยังคงชื่อชั้นแชมป์ฟุตบอลโลก 5 สมัย ผ่านเรอบแบ่งกลุ่มมาในฐานะ แชมป์กลุ่ม อี ชนะเซอร์เบีย/คอสตาริกา 2-0 และเสมอสวิตเซอร์แลนด์ 1-1 ส่วนผลงานในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ผ่านมา ปรากฏว่า เอาชนะเม็กซิโก ไปได้ 2-0
เบลเยี่ยม ผลงานในรอบแบ่งกลุ่มโดดเด่นไม่น้อย สามารถเก็บ 9 คะแนน คว้าแชมป์กลุ่ม จี ไปครอง ส่วนในรอบ 16 ทีม สามารถพลิกชนะ ญี่ปุ่น ที่ยิงนำไปก่อน 2 ลูก ด้วยสกอร์ 3-2
วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม 2561
เวลา 21.00 น. สวีเดน – อังกฤษ
สวีเดน แม้ผลงานช่วงแรกจะดูไม่ค่อยเข้าที่นัก แต่สุดท้ายก็ผ่านรอบแบ่งกลุ่มมาในฐานะแชมป์กลุ่มเอฟ ทำผลงานชนะ 2 แพ้ 1 ส่วนในรอบ 16 ทีมที่เพิ่งจบไป สวีเดน เอาชนะ สวิตเซอร์แลนด์ไปได้ 1-0
ส่วนอังกฤษที่ยังต้องพิสูจน์ตัวเอง ในการเป็นทีมเต็งคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปีนี้ ผ่านรอบแบ่งกลุ่มมาในฐานะรองแชมป์กลุ่มจี โดนเอาชนะ ตูนีเซีย 2-1 ชนะปานามา 6-1 ก่อนจะแพ้ให้เบลเยี่ยม 0-1 ขณะที่ผลการแข่งขันรอบ 16 ทีมสุดท้ายเมื่อคืนนี้ อังกฤษ เสมอ กับโคลอมเบีย 1-1 ในการแข่งขันเวลาปกติ ก่อนจะเอาเข้ารอบ 8 ทีมไปได้ด้วยการดวลลูกจุดโทษ
เวลา 01.00 น. รัสเซีย – โครเอเชีย
รัสเชีย เจ้าภาพ ทำผลงานยอดเยี่ยม เขี่ยแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2010 อย่าง สเปนตกรอบไปได้ด้วยเกมรับที่เหนียวแน่น ก่อนจะเอาชนะไปได้ในการดวลลูกจุดโทษ ส่วนผลงานก่อนหน้านี้ในรอบแบ่งกลุ่ม พวกเขาเป็นรองแชมป์กลุ่มเอ ทำสถิติชนะ 2 แพ้ 1
ขณะที่ โครเอเชีย ทำผลงานยอดเยี่ยม สามารถคว้าแชมป์กลุ่มดี ด้วยการเก็บชัยชนะได้ทั้ง 3 นัด โดยเสียประตูเพียง 1 ลูก ให้กับไอซ์แลนด์เท่านั้น ส่วนผลงานล่าสุดในรอบ 16 ทีมพวกเขาต้องเล่น 120 นาทีกับเดนมาร์ก ก่อนจะเอาชนะในการดวลลูกจุดโทษ