รพ.ห่วงทีมหมูป่าติดเชื้อ

2018-07-03 12:25:39

รพ.ห่วงทีมหมูป่าติดเชื้อ

Advertisement

รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์พร้อมรับทีมหมูป่า 13 ชีวิตมาดูแล เฝ้าระวังการติดเชื้อในช่วงสัปดาห์แรก ทั้งไวรัส ไข้รากสาด ฉี่หนู เตรียมพยาบาลดูแล 24 ชม.แรกแบบ 1 ต่อ 1 เผยอดอาหารนานต้องให้รับประทานวิตามินบี 1 สลับกับเกลือแร่ทุก 2 ชม.ในช่วง 24 ชม.แรก



เมื่อวันที่ 3 ก.ค. นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขต 1 พร้อมด้วย นพ.ไชยเวช ธนไพศาล ผอ.รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ ได้ร่วมกันแถลงถึงการรับตัวนักฟุตบอลเยาวชนพร้อมโค้ชทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สายทั้ง 13 คนมารักษาตัวที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ ภายหลังออกจากถ้ำหลวง วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย หลังติดอยู่ในถ้ำตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย.



นพ.ธงชัย กล่าวว่า โดยภาพรวมเป็นห่วงการติดเชื้อไวรัส ไข้รากสาด ฉี่หนู ซึ่งวินิจฉัยไม่ยาก พอมาถึงจะซักประวัติ ตรวจร่างกาย เฝ้าดูอาการสักระยะจะบอกได้ โดยจะใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมาช่วยดู เกี่ยวกับโรครติดเชื้อ โภชนาการ รวมทั้งจักษุแพทย์ และเตรียมพยาบาลดูแล 24 ชม.แรก 1 ต่อ 1 เพื่อให้น้อง ๆ ลดความกังวล





พ.ธงชัย กล่าวต่อว่า ดูจากภาพของน้อง ๆ น่าจะบ่งชี้ได้ว่าหอบหืดไม่น่าจะเป็นปัญหาแต่มาถึง รพ.คงประเมินทุกคน เพราะห้องที่เตรียมไว้มีเครื่องเอ็กซเรย์ปอดเคลื่อนที่ไปตรวจที่เตียงได้เลย สำหรับเรื่องอาหารนั้น ได้แจ้ง ผวจ.เชียงราย และหน่วยซีลแล้วว่า การอดอาหารระยะหนึ่งเกิน 10 วันจะมีความเสี่ยง ไม่สามารถกินได้ตามใจชอบ ถ้าให้อาหารมาก อาจมีปัญหาตามมา คือ ทำให้เกิดความผิดปกติสารเกลือแร่ในร่างกาย ทำให้ปริมาณฟอสฟอรัสในเลือดต่ำ แมกนีเซียม โปแตสเซียมต่ำ ส่งผลต่อการทำงานของเซลล์ในร่างกาย โดยทาง รพ.ได้เตรียมอาหารให้ทั้ง 13 คนแล้ว แต่ขั้นตอนเข้าไปในถ้ำลำบาก การนำอาหารเข้าไปไม่ใช่เรื่องง่าย

เมื่อถามถึงอาหารที่เตรียมให้ทั้ง 13 คน นพ.ธงชัย กล่าวว่า เบื้องต้นคงให้รับประทานวิตามินบี 1 เพราะคนอดอาหารนาน ๆ จะขาด ให้ทานน้ำเกลือบวกกับน้ำตาลซึ่งจะมีพลังงานเบื้องต้น 200 ซีซีในมื้อแรก หลังจากนั้นอีก 2 ชม.ก็ให้อาหารทางการแพทย์ บางคนจะเรียกว่านม แต่ไม่ใช่นมสด แต่เป็นนมที่มีสารอาหารครบ อีกประมาณ 200 ซีซีใน 2 ชม.ถัดมา โดยให้สลับกันระหว่างน้ำเกลือกับอาหารทางการแพทย์ในช่วง 24 ชม.แรก ค่อย ๆทยอยให้ ไม่ได้ให้เยอะ เพราะจะทำให้การหลั่งอินซูลินผิดปกติ ทำให้เกลือแร่ในร่างกายผิดปกติ





เมื่อถามถึงการให้เพาเวอร์เจล นพ.ธงชัย กล่าวว่า เบื้องต้นทางทหารได้เตรียมเข้าไปแล้ว ซึ่งเพาเวอร์เจลจะเป็นสารเกลือแร่ที่ให้พลังงานอยู่ ซึ่งสามารถให้ได้ ส่วนเรื่องสายตาไม่น่าจะเป็นปัญหามากนัก เวลาอยู่ในที่มืด ร่างกายจะปรับตัวรูม่านตาจะขยายให้เห็นภาพ ถ้าน้อง ๆอยู่ในสภาพนี้เป็นเวลานานรูม่านตาจะขยายตลอด ถ้าออกมาทีมเราวางแผนไว้อยู่แล้ว โดยเตรียมแว่นตาดำใส่ให้ทุกคน เมื่อมาถึง รพ.ได้เตรียมห้องไว้แล้ว โดยได้ทดสอบปิดม่าน ปิดไฟให้จักษุแพทย์มาตรวจสอบ ซึ่งคงตรวจเป็นราย ๆ เพราะกว่าจะมาถึงนี่บางทีเด็ก ๆ อาจปรับตัวเรียบร้อยแล้ว สามารถอยู่ในสภาพแสงปกติ แต่คงไม่สามารถออกกลางแจ้งได้ทันทีเพราะแสงยูวีค่อนข้างแรง ขณะเดียวจะให้ญาติ 52 คนที่มีการ์ดอนุญาตเท่านั้นขึ้น ไปที่ชั้น 8 ซึ่งเป็นห้องสำหรับทุกคน หากจะเข้าไปเยี่ยมต้องใส่เสื้อคลุม หน้ากาก และหมวก แต่วันแรกคงไม่ได้ให้เยี่ยม เมื่อเยี่ยมแล้วต้องเดินออกอีกทางเพื่อทำลายเชื้อ ทุกอย่างมีขั้นตอน ไม่เดินย้อนศร ถึงเวลาค่อยนัดว่าจะให้สื่อมวลชนเข้าไปได้เมื่อใด

“ตอนนี้สถานะน้อง ๆ พูดคุยได้ แต่ที่ไม่รู้คือชีพจรเร็วหรือไม่ ความดันโลหิตเป็นอย่างไร ดูเบื้องต้นถือว่าดีแต่ไม่สามารถยืนยันได้ 100 เปอร์เซ็นต์ขอให้ออกมาก่อน หากอาการไม่รุนแรง คงต้องดูเรื่องการแยกโรค ขึ้นอยู่กับผลการตรวจ ว่ามีการติดเชื้ออะไรหรือไม่ ในช่วง 4-7 วันแรก ดังนั้นอาจขอความร่วมมือญาติ รวมทั้งสื่อมวลชน ขอเวลาในการแยกเด็ก ในเบื้องต้นไม่อยากให้ไปรบกวนมาก ”นพ.ธงชัย กล่าว



นพ.ธงชัย กล่าวด้วยว่า นอกจากห่วงน้อง ๆ 13 คนแล้ว ก็เป็นห่วงทีมที่มาช่วยเหลือทั้งหมด ตอนนี้กำลังทำการ์ดให้ทุกคนเมื่อกลับไปแล้ว หากมีไข้ ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว ตัวร้อน ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ให้รีบนำการ์ดนี้ไปหาแพทย์ที่ไหนก็ได้ จะมีรายละเอียดว่าจะต้องตรวจหาโรคอะไรบ้าง เช่น โรคฉี่หนู สครับไทฟัส เชื้อไวรัสบางตัว อาจจะต้องเฝ้าระวังไว้ หากมีจะได้รีบรักษา

ขอบคุณภาพ : Thai NavySEAL