โมฮัมหมัด ชาวซีเรีย ที่ลี้ภัยสงครามมากจากประเทศบ้านเกิด เผย การใช้ชีวิตอยู่ในค่ายทางตะวันออกของเลบานอนเป็นเรื่องยากลำบาก แต่ก็ยังดีกว่าต้องกลับบ้านเกิดไปเป็นทหาร
เด็กหนุ่มวัย 18 ปี กล่าวว่า “ใครกันที่จะสมัครใจเลือกที่จะกลับไปตาย” ในขณะที่เมื่ออายุของเขาเข้าสู่วัยเกณฑ์ทหาร แน่นอนว่าการกลับไปยังซีเรียเท่ากับการกลับไปจับอาวุธ
โมฮัมหมัดเดินทางออกจากกรุงอเลปโปบ้านเกิด ทางตอนเหนือของซีเรีย เมื่อ 7 ปีที่แล้ว เพื่อหลบภัยสงครามกับครอบครัวที่เลบานอน แต่ชาวเลบานอนกำลังเรียกร้องให้มีการส่งผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย 1.5 ล้านคนซึ่งลี้ภัยอยู่ในเลบานอน กลับประเทศบ้านเกิด หลังจากที่การโจมตีทางการทหารอย่างหนักหน่วงได้ทำให้กองทัพซีเรียสามารถยึดพื้นที่หลายแห่งคืนมาจากกลุ่มกบฎ
อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่มีงาน ไม่มีระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานและการสู้รบยังคงดำเนินอยู่ในหลายพื้นที่ การกลับไปยังซีเรียไม่ใช่ทางเลือกที่ดึงดูดใจผู้ลี้ภัยนัก และสำหรับเด็กหนุ่มที่มีอายุ 18 ปี การกลับไปประเทศบ้านเกิดคือการเข้าสู่การเกณฑ์ทหาร
โมฮัมหมัดกล่าวว่า “ไม่มีใครลืมประเทศของตนเองหรอก แต่ถ้าเรากลับไปตอนนี้ ผมก็ต้องเข้ากองทัพ แล้วใครจะดูแลครอบครัวของผม”
โมฮัมหมัดและพ่อทำงาน 6 วันในสวนมันฝรั่ง ซึ่งพวกเขาได้รายได้ประมาณ 400 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน การกลับไปบ้านเกิดเท่ากับการโยนถุงใส่มันฝรั่งทิ้ง เพื่อไปจับปืนไรเฟิล
ก่อนที่สงครามซีเรียจะปะทุขึ้นในปี 2554 ชายชาวซีเรียอายุ 18 ปีขึ้นไปจะต้องถูกเกณฑ์ทหารเป็นเวลา 2 ปี และหลังจากนั้นจะมีสถานะเป็นทหารกองหนุน ซึ่งรัฐบาลสามารถเรียกให้เข้าร่วมกองทัพได้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา การสูญเสียทหารเป็นจำนวนมากทำให้รัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด หันมาเรียกทหารกองหนุนเข้ารับหน้าที่และบานปลายมาถึงการเรียกเด็กหนุ่มเข้าไปจีบอาวุธด้วย
ฮัสซัน คเลฟ ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียวัย 23 ปี พ่อของลูกสองคน กล่าวว่าเขาอยากเดินทางกลับบ้านที่เมืองอิดลิบ “ผมจะกลับวันนี้เลยถ้าเป็นไปได้” อย่างไรก็ตาม การกลัวถูกเกณฑ์ทหารเป็นสิ่งที่ทำให้เขายังคงอยู่ในเลบานอน “แน่นอนว่าพวกเขาจะเอาผมไป และถ้าพวกเขาเอาผมไปใครจะเลี้ยงลูกของผม ญาติของผมเหรอ พวกเขาก็มีลูก 4-5 คนที่ต้องดูแลกันทั้งนั้น”
จากการสำรวจขององค์การสหประชาชาติในปี 2561 ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียในเลบานอนเกือบร้อยละ 90 ต้องการกลับบ้าน แต่หลายคนมีความกังวลในเรื่องความปลอดภัยและปัญหาทางการเงิน โดยผลสำรวจสรุปว่า รัฐบาลจะต้องทำให้ประชาชนมั่นใจว่าหากพวกเขาเดินทางกลับบ้านเกิด พวกเขาจะไม่ต้องแยกจากครอบครัวเพื่อไปร่วมสงคราม