(5 ถ้ำนี้มีเรื่องเล่า) รู้จัก “5 ถ้ำอาถรรพ์” ในไทย ตำนานความรัก-ความเศร้า-การรอคอย

2018-06-28 09:00:24

(5 ถ้ำนี้มีเรื่องเล่า) รู้จัก “5 ถ้ำอาถรรพ์” ในไทย  ตำนานความรัก-ความเศร้า-การรอคอย

Advertisement

ข่าวการค้นหาโค้ชและเยาวชนทีมฟุตบอล “หมูป่าอะคาเดมี เชียงราย” 13 ชีวิตที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนเขานางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ยังคงได้รับความสนใจ และการส่งกำลังใจให้ทุกชีวิตปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง ไม่แพ้เรื่องราวของ “ถ้ำหลวง” ที่กล่าวกันว่า มีตำนานลี้ลับถึงเรื่องราวความรัก ความเศร้า เล่าขานมาช้านาน ซึ่งหากจะกล่าวถึงถ้ำในเมืองไทยที่มีตำนานเรื่องเล่าในลักษณะเดียวกันนี้ล้วนมีอยู่อีกมากมาย ดังเช่น 5 ถ้ำที่จะนำพาทุกท่านไปรู้จักเรื่องราวอันน่า “สะพรึง” ต่อไปนี้

ถ้ำหลวง-ขุนเขานางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย เล่าลือกันว่า เจ้าหญิงแห่งเมืองเชียงรุ่ง แคว้นสิบสองปันนา ซึ่งมีพระสิริโฉมงดงามยิ่งนัก ได้แอบรักกับชายเลี้ยงม้าในวัง จึงหนีตามกันมาถึงที่ราบใกล้แม่น้ำโขง เมื่อเดินทางไปถึงที่นั่น เจ้าหญิงเองได้ทรงครรภ์หลายเดือนแล้ว จึงเสด็จต่อไปไม่ไหว จึงประทับรอพระสวามีอยู่ที่นั่น หากแต่พระสวามีก็ไปแล้วไปลับ ไม่กลับมาอีกเลย ด้วยถูกลอบสังหารจากทหารที่สะกดรอยตามมานั่นเอง

ด้วยความเสียใจ นางจึงใช้ปิ่นปักผมแทงพระเศียรของพระองค์เอง จนเลือดไหลออกเป็นสาย กลายเป็น "แม่น้ำแม่สาย" จวบจนทุกวันนี้ และพระวรกายของเจ้าหญิงที่นอนเหยียดยาวจากทิศใต้จรดทิศเหนือ ก็กลายเป็น "ขุนเขาดอยนางนอน" จวบจนทุกวันนี้




หากใครขับรถจาก อ.เมืองไป อ.แม่สาย ฝั่งซ้ายมือเมื่อเข้าเขต อ.แม่สาย จะมองเห็นดอยสูงใหญ่ทอดตัวยาวเป็นรูปร่างคล้ายสรีระของหญิงสาวที่นอนตะแคงทอดตัวอยู่เช่นนั้นมาช้านาน โดยส่วนของพระอุทรหรือท้อง ก็คือพื้นที่ส่วนที่เป็นดอยตุงนั่นเอง

ถ้ำผานางคอย ตั้งอยู่ที่บ้านผาหมู อ.ร้องกวาง จ.แพร่ อยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 40 กม.เป็นถ้ำธรรมชาติขนาดใหญ่นี้มีความสวยงาม มีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า ถ้ำนางคอย ตัวถ้ำอยู่บนผาสูงประมาณ 50 เมตร หน้าถ้ำมีลานหินกว้าง ตัวถ้ำมีความลึก ที่มีลักษณะยาวขนานไปในระดับพื้นดินประมาณ 150 เมตร กว้างประมาณ 20 เมตร ภายในถ้ำเป็นพี้นดินเรียบ บางตอนมีเหวลึก ผนังถ้ำมีหินงอก หินย้อยที่สวยงาม ส่งแสงสะท้อนเป็นประกายระยิบระยับ เมื่อต้องแสงสว่างไปตลอดความยาวของถ้ำ เมื่อเกือบถึงปากสุดของถ้ำที่ทะลุมีทางออกกว้าง ปริเวณกลางถ้ำมีหินงอกขนาดใหญ่มีลักษณะคล้ายผู้หญิงอุ้มลูกไว้ในอ้อมแขน เรียกว่า ผานางคอย เป็นจุดสำคัญของถ้ำนี้ เกือบถึงปลายถ้ำมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ให้ประชาชนได้สักการบูชา โดยถ้ำผานางคอยมีตำนานเล่าขานแตกต่างกันไปถึง 3 ตำนาน



ตำนานแรก เป็นตำนานแห่งความรักระหว่างทหารต่ำศักดิ์กับเจ้าหญิง (เจ้านาง)สูงศักดิ์คู่หนึ่ง โดยเมื่อ พ.ศ.1700 อาณาจักรแสนหวีมีความเจริญรุ่งเรืองมาก กษัตริย์ปกครองอย่างสงบสุข พระองค์ทรงมีราชธิดาองค์หนึ่งมีสิริโฉมงดงามมาก มีน้ำพระทัยดี มีพระนามว่า เจ้าหญิงอรัญญานี ครั้งหนึ่ง เจ้าหญิงได้เสด็จโดยชลมารคแล้วเรือล่ม หัวหน้าฝีพายได้ช่วยเหลือเจ้าหญิงไว้ได้ ทั้งสองจึงเกิดรักกัน จนเจ้าหญิงทรงครรภ์ พระราชบิดาทราบเรื่องก็ทรงพิโรธ จึงได้ขังเจ้าหญิงไว้ แต่ฝ่ายชายก็หาโอกาสช่วยพาหนีลงมาทางใต้ โดยมีกองทหารไล่ตามอย่างกระชั้นชิด เมื่อมาทันที่หุบเขาแห่งหนึ่ง เจ้าหญิงถูกยิงด้วยธนู ฝ่ายชายจึงพาไปหลบซ่อนในถ้ำเพื่อรักษาพยาบาล เจ้าหญิงเห็นว่าทหารกำลังตามมา จึงให้ฝ่ายชายหนีไปก่อน และบอกว่าจะคอยฝ่ายชายอยู่ในถ้ำนี้ตลอดไป ถ้ำนี้จึงได้ชื่อว่า ถ้ำผานางคอย หรือถ้ำนางคอย

ด้านอีกตำนานบอกว่า หัวหน้าฝีพายพานางหนีไปอยู่ในถ้ำ และออกไปหาอาหาร เคราะห์ร้ายทหารตามมาพบและจัดการสังหารเขาเสีย องค์หญิงรู้ว่า สามีคงเสียชีวิตแล้ว จึงตั้งจิตอธิษฐานว่า จะรอคอยให้สามีกลับมาตลอดไป ด้วยอานุภาพสัจจะ นางจึงกลายเป็นหิน เงยหน้ามองปากถ้ำ รอคอยการกลับมาของชายคนรักจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้

ขณะที่อีกตำนานเล่าขานว่า เมื่อเจ้าครองนครทรงทราบก็สั่งให้ทหารออกติดตามคนทั้งสอง ทหารขี่ม้าทันทั้งสองคนที่ซอกเขาแห่งหนึ่ง และยิงธนูไปหมายจะเอาชีวิตชายหนุ่ม แต่ธนูพลาดไปถูกเจ้านางอรัญญนีได้รับบาดเจ็บสาหัส สามีของนางจึงพานางเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในถ้ำ นางอรัญญนีรู้ตัวว่า คงไม่รอดชีวิต จึงขอร้องให้สามีหนีเอาตัวรอดโดยให้สัญญาว่าจะรออยู่ที่ถ้ำแห่งนี้ตลอดไป ชายหนุ่มจึงจำใจต้องจากไปตามคำขอร้องของนาง ส่วนนางอรัญญนีก็นั่งมองดูสามีควบม้าหนีห่างไปจนลับตา และสิ้นใจตายอยู่ในถ้ำแห่งนั้น ลานที่นางนั่งดูสามีควบม้าจากไปนั้น ต่อมาเรียกว่า ลาน นางคอย ส่วนถ้ำแห่งนั้นก็ได้ชื่อว่า ถ้ำผานางคอย



ถ้ำเชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ในสมัยก่อนถ้ำแห่งนี้ไม่ได้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยยังเป็นสถานที่วิปัสสนากรรมฐานของพระสงฆ์ ภายในถ้ำประดิษฐานหลวงพ่อทันใจที่สร้างโดยฤาษีอุคันธะ ฤาษีชาวไทใหญ่ที่เดินทางมาจาริกแสวงบุญ ณ อ.เชียงดาว และก็ได้ร่วมกับชาวบ้านสร้างพระเจดีย์ 25 ยอด (เจดีย์ซาวห้ายอด) ขึ้นในปี พ.ศ. 2456 ต่อมาครูบาเจ้าศรีวิชัยได้มาสร้างและบูรณะเป็นวัดถ้ำเชียงดาว จวบจนถึงปัจจุบัน

สำหรับตำนานของถ้ำเชียงดาวมีเรื่องราวเล่าขานต่อกันมาว่า ในอดีตมีเจ้าหลวงคำแดงซึ่งเป็นบุตรชายของเจ้าผู้ครองเมืองพะเยา ได้ออกเดินทางตามหาหญิงสาวที่แปลงร่างเป็นกวางทองซึ่งหายลับเข้าไปในถ้ำหลวงเชียงดาว เมื่อเจ้าหลวงคำแดงได้ตามเข้าไปในถ้ำก็ไม่ได้กลับออกมาแต่ได้กลายเป็นเทวดาปกปักรักษาถ้ำหลวงเชียงดาว ชาวบ้านได้สร้างศาลถวายท่านและตั้งชื่อว่า “ศาลพ่อหลวงคำแดง” ตามตำนานกล่าวไว้ว่าในคืนที่มีนิมิตหมายอันดี ท้องฟ้าแจ่มใสจะปรากฏลูกกลมๆ มีแสงสว่างคล้ายพระธาตุลอยออกมาจากหลังดอยเชียงดาว ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นวิญญาณของเจ้าหลวงคำแดงไปเยี่ยมบ้านเกิดเมืองนอนที่เมืองพะเยา

ถ้ำพระนาง ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ คือ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งมีความเกี่ยวพันกับตำนานความรัก การหักหลัง ความแค้นและคำสาป โดยมีเรื่องราวเล่าว่า ครอบครัวตายมดึงต้องการมีลูกจึงไปวิงวอนขอให้พญานาคประทานลูกให้ พญานาคตอบตกลงแต่ก็ตั้งเงื่อนไขว่าหากครอบครัวตายมดึงมีลูกสาวจะต้องให้แต่งงานกับลูกชายของตน กาลต่อมาครอบครัวตายมดึงได้มีลูกสมความปรารถนาเป็นลูกสาวชื่อว่า “นาง” นางเติบโตขึ้นจนเกิดความรักตามประสาหนุ่มสาวกับลูกชายครอบครัวตาวาปราบชื่อว่า “บุญ” ในที่สุดครอบครัวตายมดึงและครอบครัวตาวาปราบจึงจำเป็นต้องจัดงานแต่งงานให้กับนางและบุญทั้งๆ ที่ไม่เต็มใจ เมื่อพญานาคได้ทราบข่าวก็โกรธแค้นที่ครอบครัวตายมดึงไม่รักษาสัญญาที่ว่าจะให้ลูกสาวแต่งงานกับลูกชายของตน ในวันงานแต่งงานพญานาคจึงจำแลงกายเป็นมนุษย์เข้าอาละวาดแย่งชิงตัวนาง ฤๅษีซึ่งบำเพ็ญตบะอยู่ได้ออกมาห้ามปรามแต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายฤๅษีจึงสาปทุกอย่างให้กลายเป็นหิน เรือนหอกลายเป็น “ถ้ำพระนาง” ข้าวเหนียวกวนกลายเป็น “สุสานหอย” ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ กลายเป็น เกาะหม้อ เกาะทัพ และเกาะอื่นๆ ในเขตใกล้เคียง ส่วนพญานาคได้กลายเป็น “เขาหางนาค” ในปัจจุบัน

“ถ้ำพระนาง” เป็นถ้ำตื้น ๆ เล็ก ๆ ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลปลายชายหาดด้านทิศใต้ของ “อ่าวถ้ำพระนาง” ภายในถ้ำเป็นที่ตั้งของศาลพระนางซึ่งคนท้องถิ่นนิยมนำศิวลึงค์มาสักการบูชา ตัวโถงถ้ำมีหินงอกหินย้อยให้เห็นอยู่บ้างแต่ไม่สวยงามนัก รอบบริเวณปากถ้ำมีพ่อค้าแม่ค้ากางร่มตั้งซุ้มจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม และของที่ระลึกอยู่หลายร้าน



ถ้ำลั่นทม เขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี กล่าวกันว่า ถ้ำอาถรรพ์ใต้น้ำแห่งนี้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วหลายสิบชีวิต จากคำบอกเล่าของหน่วยกู้ภัยซึ่งเคยนำศพขึ้นมาจากใต้น้ำ ไม่มีใครบอกได้ว่า ถ้ำลั่นทมมีพิกัดอยู่แห่งใด จึงเป็นเรื่องยากที่จะสามารถมองเห็นถ้ำลั่นทมได้ และเมื่อลึกลงไปก็จะไม่สามารถมองเห็นได้ชัด ชาวบ้านได้เล่าสืบต่อกันมาว่า ถ้ำลั่นทมแห่งนี้มีตำนานกล่าวขานถึงผัวเมียคู่หนึ่ง พ่อแม่ไม่ให้แต่งงานด้วยกัน จึงหนีไปอยู่ในถ้ำ แต่เมื่อผู้ชายมีแฟนใหม่ ผู้หญิงเลยผูกคอตาย ณ ถ้ำแห่งนี้ วิญญาณร่ำร้องโหยหวนทุกข์ระทมมายาวนาน