จิตแพทย์ห่วงสภาพจิตใจ “ผู้ปกครอง-13 ชีวิต”

2018-06-26 13:30:30

จิตแพทย์ห่วงสภาพจิตใจ “ผู้ปกครอง-13 ชีวิต”

Advertisement

“จิตแพทย์” ระบุไม่ว่าใครติดอยู่ในถ้ำ สภาพจิตใจก็ย่ำแย่ ไม่เฉพาะ 13 ชีวิตเท่านั้น เชื่อทุกคนมีความเข้มแข็งทางใจระดับหนึ่ง สิ่งสำคัญคือการช่วยเหลือออกมาให้ได้ก่อน

เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. พญ.วิมลรัตน์ วันเพ็ญ รอง ผอ.สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์รายการข่าวชนข่าวเที่ยง ทางช่องนิว 18 กรณี 13 ชีวิตติดอยู่ในถ้ำหลวง เขตวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ว่า ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุด คือ สภาพร่างกายของทุกคน ที่ต้องได้รับอาหารและน้ำ ส่วนเรื่องสภาพจิตใจ ไม่เฉพาะเด็กเท่านั้น แม้แต่ผู้ใหญ่หากไปติดอยู่ในถ้ำสภาพจิตใจก็คงแย่พอกัน เพราะไม่ใช่สภาพปกติที่เราเจอ ไม่ว่าเป็นใครคงจะแย่

“สิ่งสำคัญอันดับแรก คือ การช่วยเหลืออกมาให้ได้ก่อน จากนั้นมาดูว่า ร่างกายขาดน้ำ ขาดน้ำเกลือแร่หรือไม่ ในส่วนของสภาพจิตใจนั้น คิดว่าทุกคนมีความเข้มแข็งทางใจอยู่แล้ว หากออกมาได้ก็เป็นเรื่องกำลังใจจากครอบครัว เพื่อให้ทุกคนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ ถ้าคนใกล้ชิดคอยดูแล ช่วยเหลือพูดคุย เด็กส่วนใหญ่จะปรับตัวเองเข้าสู่สภาวะปกติได้ แต่ถ้าปรับตัวไม่ได้ อาจเกิดภาวะเครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า จะต้องพามาพบจิตแพทย์ว่าจะต้องได้รับการรักษาหรือไม่ แต่เชื่อว่า 13 คนน่าจะปรับตัวเองได้ระดับหนึ่ง”พญ.วิมลรัตน์ กล่าว




เมื่อถามถึงสภาพจิตใจผู้ปกครอง พญ.วิมลรัตน์ กล่าวว่า ก็ต้องเป็นกำลังใจให้ผู้ปกครองด้วย เพราะผู้ปกครองก็คงรอคำตอบ สุดท้ายจะเป็นอย่างไร ทั้งนี้ผู้ปกครองก็ต้องพักผ่อนเช่นกัน เพราะอาจเกิดความกังวลจนลืมรับประทานอาหาร บางคนอาจเสียใจ รู้สึกผิด ว่าทำไมปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ อาจจะรู้สึกโกรธ ที่ช่วยเด็กไม่ได้สักที หรือบางคนอาจจะหมดหวัง สลับกับความหวัง ดังนั้นคนรอบข้างต้องให้กำลังใจ ดูแลรับฟัง ดูแลเรื่องการกินการนอน และเรื่องสุขภาพด้วย สำหรับสังคมในตอนนี้ทุกคนควรกลับมาอยู่กับปัจจุบัน เพราะเราอาจเครียดว่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ กังวลกับอนาคตที่จะเกิดขึ้น ก็หวังว่าทั้ง 13 คนจะปลอดภัย สุดด้ายผลจะเป็นอย่างไรก็ต้องช่วยกันดูแลซึ่งกันและกัน