วัฒนธรรมศิลปะป้องกันตัวที่ต้องทำให้ตัวเองเจ็บอย่างน่าหวาดเสียวของอินโดนีเซียหรือดีบุส มีพลังศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติที่ทำให้พวกเขาไม่ต้องไปโรงพยาบาลแม้จะอาจจะต้องฝึกด้วยการตอกตะปูเข้ารูจมูกก็ตาม
ผู้ชมการแสดงการฝึกดีบุสต้องอ้าปากค้างเมื่อเห็นมุลยาดีโกยตะปูเต็มมือเข้าปาก และกลืนมันทั้งหมดลงท้องไปขณะที่เสียงกลองและปี่บรรเลงดนตรีประกอบ จากนั้นก็อ้าปากแสดงให้เห็นว่าไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่ในปากแล้วจริง ๆ สำหรับคนที่สงสัยว่าเขาอาจจะเล่นกลโกงอะไรหรือเปล่า

ผู้ที่อาศัยอยู่นอกประเทศอินโดนีเซียที่ไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติคงจะมองว่าเป็นกลโกงตบตา แต่สำหรับผู้ฝึกจริงยืนยันว่าเป็นอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้พวกเขารอดตายและไม่ต้องวิ่งโร่ไปโรงพยาบาล โดยมุลยาดีวัย 50 ปีกล่าวว่า “ดีบุสมีอยู่จริง เลือดจริง มีดจริง ไม่มีกลโกงอะไรทั้งนั้น” แต่เขาปฏิเสธอธิบายว่าร่างกายของเขาย่ายสลายและขับตะปูเหล่านั้นออกมาได้อย่างไรโดยบอกว่าเป็น “ความลับ”

ดีบุสเกิดในศตวรรษที่ 16 ระหว่างที่อยู่ภายใต้การปกครองของสุลต่านองค์แรกแห่งราชอาณาจักรบันเตน โดยดีบุสเริ่มการจากเป็นศิลปะป้องกันตัวและเป็นการสวดอ้อนว้อนต่อสวรรค์ปกป้องผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ


อาริส อฟันดิ ผู้เชี่ยวชาญศิลปะดีบุสทดสอบกรีดแขนของเพื่อนักรบผู้ฝึกดีบุสด้วยมีดขนาดใหญ่ จากนั้นอฟันดิก็ร้องบทสวดและเช็ดเลือดออกจากแขนของเพื่อน ซึ่งเผยให้เห็นรอยบาดที่ดูเหมือนจะเป็นการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาบอกจากศูนย์ฝึกที่บันดุง ห่างไป 150 กิโลเมตรจากกรุงจาการ์ตาว่า “เมื่อเราเริ่มร้องบทสวด ร่างกายของเราจะถูกปกคลุมไปด้วยพลังงานลึกลับที่มองไม่เห็นที่ปกป้องเรา”


สำหรับผู้ที่มาชมศิลปะป้องกันตัวนี้ก็ไม่แน่ใจว่าควรดูหรือหันหนีดี โดยโรฮานา รอสเดียนา ผู้ชมการแสดงวัย 37 ปีกล่าวว่า “ฉันขนลุกเพราะมันน่าหวาดเสียวสุดยอด พวกเขากินตะปูและสว่านลงไปอย่างกับจะสร้างบ้าน ฉันนึกไม่ออกเลยว่าจะเจ็บปวดแค่ไหนหากมันไปบาดเนื้อของคุณแม้แต่นิดเดียว ไม่ต้องพูดถึงถ้ามันเจาะหรือฝังลงไปเลย”


ผู้ฝึกดีบุสเคยได้รับบาดเจ็บอย่างร้ายแรงมาแล้วในอดีต และเมื่อปีที่แล้วก็มีชายกลุ่มหนึ่งที่ต้องเข้ารับการรักษาหลังเทกรดลงบนแขนของตัวเอง แต่อฟันดิบอกว่าการอยู่ยงคงกระพันได้จริงต้องใช้ความเชื่ออำนาจของพระเจ้าอย่างแรงกล้า “ผู้ที่อุทิศตนเพื่อพระเจ้ามากกว่าก็จะมีอำนาจแข็งแกร่งกว่า แต่อำนาจนั้นจะถูกทำลายหากใครก็ตามที่ลังเล”
ภาพ AFP