“องอาจ” จี้ กกต. ทำงานเชิงรุกป้องกันทุจริตเลือกตั้ง

2018-06-10 10:15:49

“องอาจ” จี้ กกต. ทำงานเชิงรุกป้องกันทุจริตเลือกตั้ง

Advertisement

รองหัวหน้าประชาธิปัตย์จี้ กกต. ทำงานเชิงรุก หาทางป้องกันซื้อเสียงทุจริตเลือกตั้ง บอกนายกรัฐมนตรีอย่าวิตกเข้าสู่โหมดเลือกตั้งนำไปสู่ความไม่สงบเรียบร้อย ควรสร้างความเชื่อมั่นให้คนไทย นานาชาติมั่นใจรัฐบาลสามารถรักษาความสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง


เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงการเตรียมการเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ที่ต้องใช้งบประมาณมากกว่าเดิมว่า การที่ กกต. คาดการณ์ว่าการเลือกตั้ง ส.ส. จะใช้งบประมาณ 5,500 - 5,800 ล้านบาท เพราะกฎหมายให้อำนาจ กกต. เพิ่มขึ้นมาก ทั้งอำนาจสืบสวน ไต่สวน การจัดตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้งก็เป็นสิ่งที่พอเข้าใจได้ การใช้เงินจำนวนมากที่เพิ่มขึ้นเพื่อไปไล่จับพวกซื้อเสียงทุจริตเลือกตั้ง ถึงแม้เป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างจริงจังเพื่อไม่ให้มีการทุจริตเลือกตั้งเกิดขึ้น แต่ก็เป็นการทำงานที่ไปแก้ปัญหาปลายเหตุ อยากฝากให้ กกต. แก้ปัญหาที่ต้นเหตุควบคู่ไปด้วย ช่วยกันรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้ประชาชน และ นักการเมือง เห็นผลร้ายของการซื้อสิทธิ์ขายเสียง การทุจริตเลือกตั้งที่เป็นเชื้อโรคร้ายทำลายการปกครองในระบอบประชาธิปไตยให้ผุกร่อนลงเรื่อยๆเพราะการใช้เงินซื้อเสียงทุจริตเลือกตั้งจนชนะเลือกตั้งเข้ามามีอำนาจได้ จากนั้นก็ใช้อำนาจไปทุจริตคอรัปชั่น แสวงหาประโยชน์โดยไม่ชอบ จนมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย แล้วก็เอาเงินที่ได้จากการกอบโกยโกงกินมาซื้อเสียงทุจริตเลือกตั้งเพื่อกลับเข้ามามีอำนาจอีก หมุนเวียนเป็นวงจรอุบาทต่อไปไม่มีวันจบสิ้น



นายองอาจ กล่าวต่อว่า การทำงานของ กกต. จึงไม่ควรใช้งบประมาณที่เพิ่มขึ้นไปไล่จับคนซื้อเสียงทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเท่านั้น แต่ กกต. ควรทำงานเชิงรุก หาทางป้องกันการซื้อเสียงทุจริตเลือกตั้ง พร้อมกับการรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้ประชาชนเห็นพิษภัยของการซื้อเสียงทุจริตเลือกตั้ง ซึ่งจะช่วยทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรมมากยิ่งขึ้น ส่งผลดีต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และ เป็นการส่งเสริมพัฒนาการเมืองไทยให้มั่นคงต่อไป

ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. มีความกังวลว่าเมื่อเข้าสู่การเลือกตั้งแล้วอาจมีความไม่สงบเรียบร้อยเกิดขึ้น นายองอาจ กล่าวว่า การรักษาความสงบเรียบร้อยเป็นหน้าที่ของรัฐบาลโดยตรงอยู่แล้ว เชื่อว่านายกฯ เอาอยู่ เมื่อเข้าสู่การเลือกตั้งทุกพรรคการเมืองต่างมีภาระหน้าที่รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งมากกว่าที่จะมาสร้างความไม่สงบเรียบร้อย อีกทั้งกฎหมายพรรคการเมืองก็มีข้อห้ามมากมายไม่ให้พรรคการเมืองส่งเสริม หรือ สนับสนุนการก่อความไม่สงบเรียบร้อย ใครฝ่าฝืนก็มีโทษสูงถึงขั้นติดคุก ถูกยุบพรรคได้ แต่ถ้ามีใครก็ตามสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายก่อความไม่สงบขึ้นระหว่างเลือกตั้งรัฐบาลก็มีอำนาจ มีเครื่องมือมากมาย ที่จะช่วยระงับยับยั้งได้ นอกจากนั้นยังมีกฎหมายอาญา กฎหมายการชุมนุมในที่สาธารณะ และกฎหมายอื่นๆ อีกมากมายที่เป็นเครื่องมือช่วยทำให้เกิดความเรียบร้อยขึ้นได้



นายองอาจ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ประชาชนคนไทยส่วนมากต่างอยากเห็นการเลือกตั้งเกิดขึ้นในบ้านเมือง อยากเห็นการเมืองไทยเดินไปข้างหน้ามากกว่าความวุ่นวายในบ้านเมืองนายกรัฐมนตรีจึงไม่ควรวิตกกังวลว่า เมื่อเข้าสู่การเลือกตั้งแล้วอาจนำไปสู่ความไม่สงบเรียบร้อย แต่นายกฯ ควรสร้างความเชื่อมั่นให้คนไทย และนานาชาติมั่นใจว่ารัฐบาลมีความสามารถเพียงพอที่จะรักษาความสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองเพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้