"ดีเอสไอ" แถลงผลบุกค้นขบวนการนำเข้ารถหรูเลี่ยงภาษี

2017-05-19 13:20:13

"ดีเอสไอ" แถลงผลบุกค้นขบวนการนำเข้ารถหรูเลี่ยงภาษี

Advertisement

ดีเอสไอ แถลงผลบุกค้นขบวนการนำเข้ารถหรูเลี่ยงภาษี ทำรัฐเสียหายกว่า 2,400 ล้านบาท


พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมคณะทำงาน ร่วมแถลงผลการเข้าตรวจค้นสถานที่เป้าหมาย กรณีการนำเข้ารถยนต์เข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงภาษีอากร และสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริง
โดยพบว่าบริษัทผู้นำเข้ารถยนต์ได้ระบุราคาสินค้าใบขนสินค้าขาเข้าที่ผู้นำเข้าต้องแสดงต่อกรมศุลกากรเพื่อเสียภาษีอากร ที่มีการสำแดงราคาต่ำกว่าราคาเป็นจริง ซึ่งราคาโดยเฉลี่ยที่ผู้นำเข้าสำแดง คือ ไม่เกินร้อยละ 40 ของราคารถยนต์ที่บริษัทผู้ผลิตในประเทศต้นกำเนิดรถยนต์จำหน่าย
จากการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้น พบรถยนต์เลี่ยงภาษีที่นำเข้ามาจำหน่ายเป็นรถยนต์ที่มีสมรรถนะสูงและมีราคาแพงก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ  ดีเอสไอจึงดำเนินการขอหมายค้นต่อศาลอาญา เพื่อตรวจค้นสถานที่เป้าหมายจำนวน 9 แห่ง เมื่อวานนี้(18พ.ค.60) โดยสามารถอายัดรถยนต์ได้จำนวน 122 คัน จาก 5 จุดตรวจค้น คือ บริษัท นิช คาร์ กรุ๊ป จำกัด ย่านพระราม 9 และอาคารไม่มีเลขที่อยู่ทางทิศตะวันออกของอาคารเลขที่ 2388 อายัดรถยนต์ได้81 คัน /โชว์รูมรถยนต์ บริษัท นิชคาร์ กรุ๊ป จำกัด สาขาสยามพารากอน  อายัดรถยนต์ได้ 1 คัน / เต้นท์รถยนต์ เลขที่ 999/9 ย่านคลองจั่น (สถานที่เก็บรถยนต์แลมโบกินี่) อายัดรถยนต์ได้ 6 คัน /โชว์รูมรถยนต์เอสทีที ออโต้ คาร์ ย่านห้วยขวาง (สถานที่เก็บรถยนต์ลัมโบกินี่) อายัดรถยนต์ได้ 24  คัน /และโชว์รูมรถยนต์ เอสทีที ออโต้ คาร์ ย่านสุขุมวิท (สถานที่เก็บรถยนต์ลัมโบกินี่) อายัดรถยนต์ได้ 10 คัน ซึ่งรถยนต์ที่อายัดทั้งหมด ภาษีขาดโดยเฉลี่ยต่อคันประมาณ 10 – 18 ล้านบาทต่อคัน รวมแล้วรัฐเสียหายทั้งสิ้นประมาณ 2,400 ล้านบาท
ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ ได้อธิบายถึงขั้นตอนมีการกระทำความผิดคือืขั้นตอนของการสำแดงภาษีต่อเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ของประเทศไทย ที่มีการเปลี่ยนสกุลเงินจากประเทศต้นทางอย่างประเทศอิตาลี สกุลเงิน ยูโร มาเป็น สกุลเงินยูเอส(us) และมีการลดราคาลงมาหลายเท่าตัว เพื่อให้ราคาที่คูณของภาษี ต่ำลง ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวนั้นจะมีเจ้าหนาที่ไทยเป้นคนรับเรื่อง อาจจะทีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม้นั้น จะต้องมีการตรวจสอบ ร่วมกับ ปปช. เบื้องต้น ได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว และยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ นอกจากนี้ จะต้องตรวจสอบรถย้อนหลังอีกกว่าหมื่นคันในห้วงปีที่ยังสามารถดำเนินคดีได้ด้วย ว่ามีการสำแดงเท็จตอนนำเข้ามาหรือไม่