ก่อนการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในโรงแรมคาเปลลา บนเกาะเซนโตซา ประเทศสิงคโปร์ เช้าวันอังคารที่ 12 มิถุนายนนี้
ลัดเลาะรอบโลกกับสันติ สร้างนอก วันนี้จะพาไปทำความรู้จักและเที่ยวเกาะเซนโตซา ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม เป็นเกาะมหาสนุกของสิงคโปร์ ที่มีตำนานเล่าขานมาตั้งแต่ยุคอาณานิคมของอังกฤษ เผื่ออาจเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลาย ๆ คนได้ไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านทางใต้ของไทย
สิงคโปร์ประกาศให้พื้นที่หลัก 2 แห่งเป็นเขตพิเศษจากวันที่ 10-14 มิถุนายนนี้ ในการเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และนายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ โดยเกาะเซนโตซา ซึ่งเป็นเกาะท่องเที่ยว ก็เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ถูกกำหนดให้เป็นเขตพิเศษ เพราะเป็นที่ตั้งของโรงแรม "คาเปลลา" ที่จะใช้เป็นสถานที่จัดการประชุมครั้งนี้ ซึ่งมีกำหนดเริ่มขึ้นในช่วงเช้าของวันที่ 12 มิถุนายนนี้
รัฐบาลสิงคโปร์ แถลงว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้มาตรการตรวจตราประชาชนและทรัพย์สินส่วนตัวเข้มข้นมากขึ้น เช่นใช้ระบบเสียงประกาศ และระบบเครื่องบินควบคุมระยะไกล จะถูกห้ามใช้ในพื้นที่ด้วย ส่วนพื้นที่มีการประกาศในกิจจานุเบกษาอีกที่หนึ่ง ก็คือพื้นที่ใจกลางเมือง ซึ่งเป็นที่ตั้งของกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์, สถานทูตสหรัฐ และโรงแรมหรูอีกหลายแห่ง รวมทั้งแชงกรี-ลา ที่อาจใช้เป็นสถานที่ในการประชุมเตรียมความพร้อม และเป็นที่พักของทรัมป์ และยังรวมไปถึงพื้นที่ติดกับถนนย่านช้อปปิ้งที่สำคัญด้วย
คาดว่าจะมีนักข่าวกว่า 3,000 คน เข้ามาใช้บริการศูนย์สื่อมวลชนระหว่างประเทศที่บริการตลอด 24 ชั่วโมง ที่อาคาร เอฟ1 พิต ใจกลางเมือง ใกล้กับสิงคโปร์ฟลายเออร์ ชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์ จุดชมวิวที่สำคัญแห่งหนึ่งของสิงคโปร์
การประชุมครั้งนี้ จะเป็นการประชุมครั้งแรกระหว่างประธานาธิบดีที่ยังอยู่ในตำแหน่งของสหรัฐกับผู้นำเกาหลีเหนือ และทรัมป์ กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เขาคาดหวังว่า ที่สุดแล้วผลการประชุมกับผู้นำเกาหลีเหนือจะออกมาอย่างสร้างสรรค์มาก แต่ก็อาจไม่สำเร็จในครั้งเดียว และอาจต้องจัดการประชุมกันอีกหลายครั้งเพื่อให้บรรลุข้อตกลง
สำหรับเกาะเซนโตซา ซึ่งภาษามาเลย์แปลว่า "สันติภาพและความสงบสุข" ได้ชื่อว่าเป็นเกาะมหาสนุก เป็นรีสอร์ทท่องเที่ยวยอดนิยมของสิงคโปร์ ซึ่งต้อนรับนักท่องเที่ยวประมาณ 20 ล้านคนต่อปี ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่กระจายเรียงรายกันอยู่ริมชายหาดความยาว 2 กิโลเมตร ประกอบด้วย ฟอร์ด ซิโลโซ เป็นหนึ่งในป้อมปราการสามป้อมที่สำคัญบนเกาะเซ็นโตซา ซึ่งสร้างขึ้นโดยอังกฤษเพื่อปกป้องมิให้เกาะนี้ถูกรุกรานจากข้าศึกศัตรู ปัจจุบัน ฟอร์ท ซิโลโซ ยังได้รับการรักษาไว้เป็นอย่างดี เป็นเสน่ห์ดึงดูดในแง่ประวัติศาสตร์ทางการทหารของสิงคโปร์ การเดินทางที่สะดวกที่สุดในการไปป้อมปราการนี้ก็คือ ผ่านเส้นทางสกายวอล์คสายใหม่ ที่เรียกว่า ฟอร์ท ซิโลโซ สกายวอล์ก (Fort Siloso Skywalk) ที่เพิ่งเปิดให้บริการ เป็นทางเดินระดับความสูงเท่าตึก 11 ชั้น หรือประมาณ 181 เมตรเหนือพื้นดิน และสามารถเดินชมวิวกว้างไกลสุดสายตา บางสวนของทางเดินด้านบนนั้นจะเป็นพื้นกระจกใส สามารถมองทะลุลงมาเห็นยอดต้นไม้และวิวด้านล่างได้ บนทางเดินจะมองเห็นวิวในมุมกว้างของเกาะเซนโตซา และยังเป็นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่สองข้างทางที่เหมือนเดินอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ ที่สุดทางของทางเดินสกายวอร์คนั้นจะเป็นป้อมปืนใหญ่โบราณ ตั้งอยู่ยอดบนสุดของภูเขา ในอดีตนั้นถูกใช้ที่เป็นสังเกตการณ์ของทหารในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
นอกจากนี้ ยังมีสนามกอล์ฟอีก 2 แห่ง, เมอร์ไลออนยักษ์, โรงแรมหรูราคาแพงอีก 14 แห่ง และรีสอร์ท เวิลด์ เซนโตซา (Resorts World Sentosa) รีสอร์ทแบบครบวงจรที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของทุกคนในครอบครัว มีสวนสนุกสำหรับเด็ก Universal Studios Singapore ด้วย และยังมีบ่อนคาสิโน 1 ใน 2 แห่งของสิงคโปร์
ว่าเฉพาะเรื่องโรงแรม รับรองได้เลยว่า เป็นที่รู้จักในเรื่องของความหรูหรา พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมสรรพ การให้บริการไร้ที่ติ และเหนือสิ่งอื่นใด มีความเป็นส่วนตัวสำหรับธุรกิจและการพักผ่อนหย่อนใจ อาคาร 1 ใน 2 หลังของโรงแรมคาเปลลา สร้างขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1880 เพื่อให้เป็นที่พักของเจ้าหน้าที่อังกฤษ เจ้าอาณานิคมขณะนั้น
ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ก็พิจารณาโรงแรมแชงกรี-ลา เป็นที่จัดการประชุมเช่นกัน ซึ่งโรงแรมแห่งนี้ เคยใช้เป็นสถานที่จัดการประชุมความมั่นคงระหว่างประเทศ และเป็นสถานที่ประชุมเมื่อปี 2558 ระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และประธานาธิบดีหม่า อิง-จิว แต่คาดว่า ทรัมป์จะเลือกพักที่แชงกรี-ลา ซึ่งอยู่ใกล้แหล่งช้อปปิ้งสำคัญ แม้ความเป็นส่วนตัวจะน้อยกว่าโรงแรมคาเปลลา ที่เลือกเป็นสถานที่ประชุมกับคิม
สิงคโปร์ ประเทศเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ เป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับจัดการประชุมระหว่าง 2 ผู้นำ ที่มีสไตล์แตกต่างกันอย่างมาก สิงคโปร์เป็นประเทศที่วางตัวเป็นกลาง และเคยมีประสบการณ์ในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมทางการทูตระดับสูงมาแล้ว ซึ่งรวมทั้งการประชุมระหว่างประธานาธิบดีสี และอดีตประธานาธิบดีหม่า เมื่อ 3 ปีก่อน
สิงคโปร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่มีจีดีพีต่อหัวสูงที่สุดในโลก พึ่งพาการผลิต, การบริการทางการเงินและการท่องเที่ยวเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ และยังเป็นเมืองท่าและมีสายการบินระดับโลก มีธนาคารจำนวนมากในศูนย์กลางธุรกิจและรีสอร์ทกาสิโน 2 แห่ง มีประชากรกว่า 5.6 ล้านคน ซึ่งร้อยละ 80 ของประชากร อาศัยอยู่ในแฟลตของคณะกรรมการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หรือเอชดีบี (HDB) นอกจากนี้ สิงคโปร์ ยังมีสวนพฤกษศาสตร์ ที่มีโครงการตั้งชื่อดอกกล้วยไม้ตามชื่อนักการเมืองและผู้มีชื่อเสียงในสังคมที่มาเยือนสิงคโปร์ และทั่วโลกก็จะเห็นการตั้งชื่อดอกกล้วยไม้ตามชื่มทรัมป์และคิม เช่นเดียวกัน
ส่วนผลการประชุมจะออกมาหัวหรือก้อย ก็ต้องรอลุ้นกันในวันที่ 12 มิถุนายน โลกจะสันติสุขหรือไม่ ส่วนหนึ่งคงต้องฝากไว้ในมือ "ผู้เฒ่าปากมาก" กับ "คนหนุ่มดื้อรั้น"