ย้อนรอยพ่อเลี้ยงหื่นขืนใจ ด.ญ.ออทิสติก

2018-06-08 11:15:33

ย้อนรอยพ่อเลี้ยงหื่นขืนใจ ด.ญ.ออทิสติก

Advertisement

พ่อเลี้ยงรับสารภาพข่มขืนลูกเลี้ยงวัย 11 ขวบเป็นออทิสติกจริงเหตุเสพยาบ้าแล้วเกิดอารมณ์ทางเพศ หลอกพาไปเยี่ยมแม่ที่ รพ. เสร็จแล้วไม่พาไปส่งบ้านยายที่อ่างทอง มุ่งหน้า สมุทรสาคร ข่มขืนจนเลือดออกสลืมสลือต้องวอนแท็กซี่นำตัวส่ง รพ. สุดท้ายโดนจับได้ขณะหลบหนีไปเพชรบุรี ตร.พาไปทำแผนท่ามกลางเสียงสาปแช่ง ด้านยายของเด็กขอให้รับโทษสูงสุด



เหตุการณ์สุดสะเทือนใจเมื่อนายชัยยุท คงเจริญ หรือ “เอ็ม” อายุ 40 ปี พ่อเลี้ยงหื่นลวง ด.ญ.ดาว (นามสมมติ) ลูกเลี้ยงวัย 11 ขวบซึ่งเป็นออทิสติกมาจากยายที่ จ.อ่างทอง โดยหลอกว่าจะพาไปเยี่ยมแม่ที่นอนป่วยอยู่โรงพยาบาล  สุดท้ายพาไปข่มขืนจนสลบ แล้วหลอกให้แท็กซี่พลเมืองดีช่วยพาตัวเด็กส่ง รพ.กระทุ่มแบน โดยคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อกลางดึกวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทำงานรวดเร็วจับกุมตัวนายชัยยุทได้เมื่อบ่ายวันที่ 7 มิ.ย. ขณะหลบหนีไป จ.เพชรบุรี

ต่อมาในช่วงเย็นวันที่ 7 มิ.ย. ตำรวจได้นำตัวนายชัยยุท มาสอบปากคำที่ สภ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร  โดย พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.กิตติพงษ์ เงามุข ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.มานะ อินพิทักษ์ ผบก.จว.สมุทรสาคร พ.ต.อ.ศรีศักดิ์ แก้วเอี่ยม ผกก.สภ.กระทุ่มแบน พ.ต.อ.ธงชัย เนตรสขาวัฒน์ ผกก.สส.ภ.จว.สมุทรสาคร และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.กระทุ่มแบน ได้ร่วมสอบปากนายชัยยุท ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ จ.212/2561 ลงวันที่ 6 มิ.ย. 2561 ในความผิดฐาน พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร พาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจารแม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งมิใช่ภรรยาของตนโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใด ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ 





จากนั้นได้นำตัวนายชัยยุทไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บริเวณตึกร้างแห่งหนึ่ง ใน ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งผู้ต้องหาพา ด.ญ.ดาว ไปกักขัง หน่วงเหนี่ยว ทำร้ายร่างกาย และข่มขืนกระทำชำเรา และจุดที่พา ด.ญ.ดาวมาส่งขึ้นรถแท็กซี่ โดยทุกจุดที่พาผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้น ก็มีไทยมุงจำนวนมากมาเฝ้ารอดูหน้าผู้ต้องหารายนี้ พร้อมกับมีการตะโกนด่าสาปแช่ง จนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรีบพาผู้ต้องหาขึ้นรถโดยเร็ว

สำหรับการจับกุมผู้ต้องหารายนี้ สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเช้าวันที่ 7 มิ.ย. นายชัยยุท ได้เข้าไปที่ธนาคารกรุงไทย สาขาชะอำ เพื่อพยายามที่จะทำธุรกรรม แต่ทางนางวาศิณี เพ็ชรแท้ เจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทย ซึ่งได้ติดตามข่าวนี้และได้เห็นใบหน้าของผู้ต้องหาตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กระทุ่มแบน ประกาศนำจับ อีกทั้งจากความที่เป็นภรรยาของ พ.ต.ท.ชูเกียรติ เพ็ชรแท้ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี จึงมีความช่างสังเกตและจดจำคนร้ายได้แม่นยำ จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชะอำ มาควบคุมตัวไว้ ซึ่งจากการตรวจค้นภายในตัวคนร้าย ยังพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่อีกจำนวน 10 เม็ดด้วย



ขณะที่นายชัยยุท ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุข่มขืน ด.ญ.ดาวจริง เนื่องจากเสพยาเสพติดเข้าไปแล้วเกิดอารมณ์ทางเพศ



ย้อนไปเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 15.30 นาทีนายชัยยุท ผู้ต้องหาในคดีนี้อายุ 40 ปีมีศักดิ์เป็นพ่อเลี้ยงของ ด.ญ.ดาว ได้เดินทางไปที่บ้านของคุณยาย ด.ญ.ดาว ใน จ.อ่างทอง แล้วหลอกว่าจะรับตัว ด.ญ.ดาว เพื่อพาไปเยี่ยมแม่ที่นอนป่วยรักษาตัวอยู่ที่ รพ.อ่างทอง ซึ่งนายชัยยุทได้พา ด.ญ.ดาวไปเยี่ยมแม่จริง โดยค้างคืนในวันที่ 4 มิ.ย.2561 กระทั่ววันที่ 5 มิ.ย.2561 เวลาประมาณ 10.00 ได้หลอกแม่ของ ด.ญ.ดาว ว่าจะพา ด.ญ.ดาวไปส่งที่บ้านยาย แต่ปรากฏว่านายชัยยุทพา ด.ญ.ดาวซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ จาก จ.อ่างทองมุ่งหน้า อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร และพาไปที่ตึกร้างก่อนใช้กำลังทำร้ายร่างกายชกต่อยที่หน้าท้องบังคับข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ พร้อมบังคับกักขังให้อยู่แต่ในตึกที่ร้าง ส่วนนายชัยยุท ได้กลับมาทำความสะอาดร่างกายตนเอง แต่เมื่อนายชัยยุทธกลับมาอย่างที่ตึกร้าง พบว่า ด.ญ.ดาวมีอาการสลึมสลือเนื่องจากเสียเลือดมาก จึงพาตัวนั่งรถจักรยานยนต์ออกมาและเมื่อมาถึงบริเวณหน้าบริษัทกระทิงแดงพบรถแท็กซี่สีฟ้าซึ่งจอดติดสัญญาณไฟจราจรสีแดงอยู่จึงเรียกให้คนขับแท็กซี่เป็นผู้ขับพาไปส่งโรงพยาบาล ส่วนนายชัยยุทธได้หลบหนีไปจนกระทั่งถูกจับกุมตัวได้ที่ จ.เพชรบุรี





ขณะที่ ยายของ ด.ญ.ดาว กล่าวว่า ครอบครัวรู้สึกดีใจ อยากให้ตำรวจดำเนินการให้ผู้ต้องหาได้รับโทษสูงสุด เพราะความรู้สึกของครอบครัวแย่มาก ยังจำครั้งแรกที่หลานเล่าให้ฟังได้ว่าพ่อทำร้ายหนู พูดจาวนไปมา รู้สึกสงสารมาก โดยหลานก็ทราบดีว่าพ่อเลี้ยงได้ลงมือกระทำชำเรา แต่ด้วยความที่หลานไม่ปกติ จึงไม่ได้ซึมเศร้า ร้องไห้ หรือเครียด ยังคงทานข้าวได้ตามปกติ สดใส ร่าเริง แต่หลังจากนี้ครอบครัวต้องเยียวยา ดูแลหลานให้ดีมากขึ้น รวมไปถึงมีหลายหน่วยงานยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเยียวยาสภาพจิตใจเด็ก ที่ตอนนี้ยังต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ท่ามกลางแพทย์และพยาบาล รวมทั้งเจ้าหน้าที่ พม.ดูแลอย่างใกล้ชิด