“เรืองไกร”จี้นายกฯแจงงบ 300 ล้านจัดโมโตจีพี

2018-05-28 14:30:28

“เรืองไกร”จี้นายกฯแจงงบ 300 ล้านจัดโมโตจีพี

Advertisement

"เรืองไกร" ยื่นหนังสือนายกฯ แจงอนุมัติงบ 300 ล้านบาท จัดแข่งโมโตจีพี พร้อมตรวจสอบบริษัทบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด

เมื่อวันที่ 28 พ.ค. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว. เดินทางไปยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ที่ ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า จากมติ ครม. เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2560 ให้ไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับเอกชนจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก 2018 โมโตจีพี ซึ่งมีวงเงินงบประมาณสนับสนุน 300 ล้านบาทแยกเป็นปี 2561 จำนวน 100 ล้านบาทปี 2562 จำนวน 100 ล้านบาท และปี2563 จำนวน 100 ล้านบาท งบประมาณดังกล่าว ครม.เห็นชอบไว้ตั้งแต่21 มี.ค.2560 ซึ่งเรื่องดังกล่าวผ่านมาสำนักงานอัยการสูงสุด สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณได้มีการทวงติงแล้วก่อนที่จะมีการอนุมัติ โดยครม.เห็นชอบให้ใช้สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นของบริษัทเอกชนเพียงที่เดียวเท่านั้น แต่จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า สนามดังกล่าว อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัดหรือไม่ แต่เมื่อตรวจสอบข้อมูลพบว่าบริษัทดังกล่าวมีทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาทแต่ยังไม่ได้ส่งงบการเงินปี 2559 และบริษัทดังกล่าวไม่มีทรัพย์สินถาวรที่เป็นที่ดิน อาคาร หรือสนามแข่งรถแต่อย่างใด มีเพียงเครื่องมือเครื่องใช้ และยานพาหนะ รวม 13,650,485.54 บาท เท่านั้น และบริษัทดังกล่าวมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน จึงมีส่วนของทุนติดลบจำนวน 256,265,558.91 บาทนอกจากนี้ บริษัทดังกล่าวยังไม่ได้แสดงยอดหนี้เงินกู้ วันที่ 31 ธ.ค.2558 จำนวน 6,075,041.10 บาท ไว้แต่อย่างใด แต่ในงบการเงินของบริษัท บุรีรัมย์ยูไนเต็ดฯ ในหมายเหตุประกอบงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2559 ข้อ 8 ระบุว่าวันที่ 31 ธ.ค. 2558 มีเงินให้กู้ยืมแก่บริษัทดังกล่าว จำนวน 6,075,041.10 บาท โดยทั้งสองบริษัทมีนายเนวิน ชิดชอบ ร่วมเป็นกรรมการอยู่ด้วย

นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า จากข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดข้อสงสัยตามว่า การอนุมัติงบประมาณแผ่นดิน 300 ล้านบาท ดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายหรือไม่และเกี่ยวข้องต่อเนื่องกับการประชุม ครม. สัญจรที่ จ.บุรีรัมย์หรือไม่จึงขอเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์  ตรวจสอบการดำเนินงานภายในบริษัทบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดฯ ว่ามีการแสดงยอดหนี้เงินกู้ยืมจากกิจการที่เกี่ยวข้องกันโดยถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ นอกจากนี้ควรสั่งให้กรมสรรพากรตรวจสอบการยื่นแบบ ภงด.50 ของบริษัทดังกล่าวในรอบปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2559 และวันที่ 31 ธ.ค.2560 ด้วย เพราะตามกฏหมายบริษัทจำกัดจะต้องยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีต่อกรมสรรพากร และต้องยื่นงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด