ยกระดับ"ไซบูทรามีน" เพิ่มโทษหนัก

2018-05-24 14:00:34

ยกระดับ"ไซบูทรามีน" เพิ่มโทษหนัก

Advertisement

สธ.เตรียมยกระดับ “ไซบูทรามีน” จากยาอันตรายเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ประเภท 1 เพิ่มโทษหนักทั้ง นำเข้า ผลิต ส่งออก ขาย จำคุก 20 ปี ปรับ 2 ล้านบาท พร้อมเอาผิดฐานพยายามฆ่าอีกด้วย

เมื่อวันที่ 24 พ.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ว่า ประเทศไทยยกเลิกการใช้ไซบูทรามีนตั้งแต่ปี 2553 แล้ว เพราะไม่มีประโยชน์ทางการแพทย์ แถมยังเป็นอันตราย แต่เนื่องจากมีฤทธิ์ต่อประสาทส่วนกลางทำให้รู้สึกไม่อยากอาหาร ที่ผ่านมาจึงพบการลักลอบใส่สารดังกล่าวไปในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจนมีคนกินแล้วเสียชีวิตหลายราย ดังนั้นวันนี้คณะกรรมการฯ จึงพิจารณาแล้วเห็นว่าควรมีการยกระดับไซบูทรามีนจากยาอันตรายให้เป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภทที่ 1 ตาม พ.ร.บ.วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2559 เพราะฉะนั้นหากพบว่ามีการใส่สารดังกล่าวลงไปในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจะมีโทษรุนแรงมากขึ้น ต่อจากนี้ได้มอบให้ อย. ไปออกเป็นประกาศยกระดับไซบูทรามีนให้เสร็จ ส่งให้ รมว.สาธารณสุขลงนามภายในเดือน ก.ค.นี้

นพ.ธเรศ กล่าวต่อว่า เดิมผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจะขึ้นทะเบียนเป็นอาหาร เมื่อพบว่าทำผิดก็จะโทษตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ.2522 คือจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท แต่พอยกระดับแล้วจะมีโทษรุนแรงขึ้นโดยกรณีผู้ใดผลิต นำเข้า หรือส่งออกจะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี และปรับตั้งแต่ 5 แสนบาทถึง 2 ล้านบาท กรณีหาก ผลิต นำเข้า ส่งออกเพื่อขายก็มีโทษจำคุกตั้งแต่ 7-20 ปี และปรับตั้งแต่ 7 แสนบาทถึง 2 ล้านบาท หากผู้ใดนำเข้ามาผลิตโดยการแบ่งบรรจุ หรือรวมบรรจุจะมีโทษจำคุก 4-7 ปี และปรับ 8 หมื่นถึง 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากผลิตโดยการแบ่งบรรจุเพื่อขาย จะจำคุกตั้งแต่ 4 -20 ปี มีโทษปรับ 4 แสนบาทถึง 2 ล้านบาท และหากผู้ใดขายจำคุก 4 -20 ปี และปรับ 4 แสนบาทถึง 2 ล้านบาท แล้วถ้าสืบทราบว่ารู้อยู่แล้วว่าผลิต ขาย ครอบครองผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีสารไซบูทรามีนอยู่แล้วจะมีโทษทางอาญา เอาผิดฐานพยายามฆ่าได้อีกด้วย




นพ.ธเรศ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้กำลังจะมีการพิจารณาควบคุมสารอีกตัวที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจเจอเมื่อเร็วๆ นี้ แต่ไม่เคยมีการขึ้นทะเบียนควบคุมในประเทศไทยมาก่อน ส่วนรายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้ตอนนี้

ด้าน นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการ อย. กล่าวว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสืบสวนในทางลึกว่ามีการลักลอบนำเข้าไซบูทรามีนผ่านช่องทางใดบ้าง ทราบว่ามีความคืบหน้าไปมากแล้ว อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทคุยกันวันนี้ว่าหากพบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลอบใส่ยาแผนปัจจุบัน ก็ควรจะยกระดับเอาผิดตาม พ.ร.ย.ยา ซึ่งจะมีโทษรุนแรงกว่า พ.ร.บ.อาหาร เพราะการทำแบบนี้ถือว่าไม่เป็นธรรมกับผู้บริโรค ขอยืนยันว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จะไม่มีฤทธิ์ทางเภสัช เมื่อไหร่ที่มีการโฆษณาอ้างสรรพคุณช่วยลดน้ำหนัก หรือสรรพคุณต่างๆ ให้สงสัยไว้ก่อนว่ามีการลอบใส่ยา หรือสารต้องห้าม ไม่ควรใช้ ถ้าอยากลดน้ำหนักก็ปรับพฤติกรรมกินอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่พอเหมาะ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หรือปรึกษาแพทย์