ปชป.ยื่นศาล รธน.คำสั่ง คสช.ลิดรอนสิทธิสมาชิกพรรค

2018-05-21 14:05:24

 ปชป.ยื่นศาล รธน.คำสั่ง คสช.ลิดรอนสิทธิสมาชิกพรรค

Advertisement

“อภิสิทธิ์” มอบ “ราเมศ” ยื่นบันทึกถ้อยคำเพิ่มเติมศาล รธน. กรณีคำสั่ง คสช. ลิดรอนสิทธิสมาชิกพรรค

เมื่อวันที่ 21 พ.ค. นายราเมศ รัตนะเชวง สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ได้รับมอบอำนาจจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้ายื่นบันทึกถ้อยคำข้อเท็จจริงความเห็นเพิ่มเติมต่อศาลรัฐธรรมนูญ



นายราเมศ กล่าวว่า ในสาระสำคัญของคำร้องที่ได้มายื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมนั้นเพื่อแสดงข้อเท็จจริงให้เห็นถึงผลกระทบที่เกิดจากคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 53/ 2560 ลงวันที่ 22 ธ.ค. 2560 ที่กำหนดให้สมาชิกพรรคมีหนังสือยืนยันการเป็นสมาชิกต่อหัวหน้าพรรคการเมือง ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2561 ปรากฏว่ามีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันการเป็นสมาชิก เพียง 104,391 คน จากจำนวนสมาชิก 2,500,000 คน ซึ่งถือว่าคำสั่งดังกล่าวออกมาลิดรอนสิทธิอันชอบธรรมของประชาชนก่อให้เกิดความเดือดร้อน สร้างภาระแก่ประชาชนผู้เป็นสมาชิกพรรคเกินสมควรกว่าเหตุ ทั้งๆ ที่ประชาชนเป็นสมาชิกพรรคอยู่ก่อนแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย





นายราเมศ กล่าวต่อว่า แต่ทั้งนี้ขั้นตอนหลังจาก 30 วัน ที่กำหนดให้สมาชิกมายืนยันแล้ว ซึ่งคำสั่งยังกำหนดให้มีการส่งเอกสารดังกล่าวให้นายทะเบียนพรรคการเมืองภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย. 2561 ซึ่งก็จะครบกำหนดวันที่ 30 พ.ค. 2561 ระยะเวลา 30 วัน เพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ของเอกสารที่สมาชิกยืนยันจำนวน 104,391 คนนั้นก็คาดการณ์ไม่ได้ว่าจะทำเสร็จทันตามกำหนดกรอบระยะเวลาดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งพรรคต้องจ้างนักศึกษากว่า 130 คน เพื่อช่วยตรวจสอบเอกสารและบันทึกข้อมูลลงบนฐานข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับนำส่งนายทะเบียนพรรคการเมือง ตอนนี้ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จทันตามกรอบระยะเวลาที่หัวหน้า คสช. ได้กำหนดไว้หรือไม่



นายราเมศ กล่าวด้วยว่า ส่วนของพรรคประชาธิปัตย์และสมาชิกพรรคพร้อมน้อมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยในเรื่องดังกล่าวนี้เป็นเช่นไร เราเป็นพรรคการเมืองเดียวที่เปิดให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมมากที่สุดและอนาคต พรรคฯ พร้อมที่จะเดินหน้าเพื่อให้สมาชิกพรรคและประชาชนมีส่วนร่วมกับพรรคให้มากยิ่งขึ้น เพราะนี่ก็คือส่วนหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ยึดมั่นในอุดมการณ์ที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ประชาชนเป็นเจ้าของพรรคอย่างแท้จริง