บุกยึดยาลดความอ้วน “แกลโล” ใส่สารต้องห้าม

2018-05-21 12:05:32

บุกยึดยาลดความอ้วน “แกลโล” ใส่สารต้องห้าม

Advertisement

รอง ผบ.ตร. พร้อมเจ้าที่ อย. บุกตรวจค้นโรงงานผลิตยาลดความอ้วน “แกลโล” ยึดผลิตภัณฑ์ 700 กล่อง พร้อมกล่องเปล่ากว่า 2 แสนกล่อง หากนำไปแพคขายจะมีมูลค่าสูงถึง 183 ล้านบาท



เมื่อช่วงเช้าวันที่ 21 พ.ค. พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผู้ ผบ.ตร. พร้อมเจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เข้าตรวจค้นโรงงานผลิตยาลดความอ้วน เพื่อตรวจสอบว่ามีส่วนผสมของสารไซบูทรามีนในผลิตภัณฑ์หรือไม่ โดยจุดแรก คือ บริษัทแกลโล ริช อินเตอร์ จำกัด ตั้งอยู่ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 75 สภาพเป็นตึกแถว 3 ชั้นครึ่ง ภายในพบผลิตภัณฑ์แกลโล 700 กล่อง ซึ่งแต่ละกล่องบรรจุแคปซูล 10 เม็ดเตรียมออกจำหน่าย นอกจากนี้ยังมีการจ้างดารานักแสดงที่มีชื่อเสียงมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ด้วย ตำรวจจึงเตรียมออกหมายเรียกดาราที่เกี่ยวข้องเข้าให้ปากคำต่อไป ส่วนของกลางที่ยึดได้วันนี้ เฉพาะบริษัทแกลโล ริช อินเตอร์ จำกัด มีมูลค่ากว่า 1.3 ล้านบาท






ด้าน ภญ.สุภัทรา บุญเสริม ผอ.สำนักอาหาร อย. กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นผลิตภัณฑ์เดียวกับที่ตรวจพบสารไซบูทรามีนก่อนหน้านี้ ซึ่งจากการสุ่มตรวจบางกล่อง หรือบางลอต พบว่าผสมยาอันตรายไม่เหมือนกัน โดยก่อนหน้านี้เคยตรวจเจอสารอันตราย 2 ชนิดรวมอยู่ในอาหารเสริมชนิดนี้ คือ ยาฟลูออกซิทีน ซึ่งเป็นยาที่ใช้เกี่ยวกับภาวะซึมเศร้า ทำให้ไม่อยากรับประทานอาหาร และสารออริสแตท จะช่วยเรื่องขับถ่าย แต่หากใช้นานๆ จะทำให้ระบบขับถ่ายได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ยังตรวจพบว่ามีการติดเครื่องหมายฮาลาลปลอม อีกด้วย





สำหรับจุดที่ 2 ที่ พล.ต.อ.วิระชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ อย.เข้าตรวจสอบ คือ บ้านพักหลังหนึ่งย่านภาษีเจริญ ซึ่งพบเป็นแหล่งเก็บสินค้าผลิตภัณฑ์ยาลดน้ำหนักแกลโล เป็นของบริษัทแกลโล ริช อินเตอร์ จำกัด



พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า จากการเข้าตรวจค้นพบกล่องบรรจุแกลโล (กล่องเปล่า) กว่า 2 แสนกล่อง และถ้านำไปแพคขายออกสู่ตลาด ราคาจะอยู่ที่กล่องละ 680 บาท นับรวมแล้วมีมูลค่ากว่า 182 ล้าน ขณะเดียวกันพบดารานักแสดง และเน็ตไอดอล เป็นพรีเซนเตอร์ รีวิวสินค้าหลายคน เนื่องจากพบหลักฐานการว่าจ้าง ซึ่งจะเป็นหลักฐานการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้ที่เขียนสคริปต์ พร้อมย้ำเตือนศิลปินดาราที่รู้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นเป็นอันตรายแล้วยังไปโฆษณาพูดตามสคริปต์ ก็เข้าข่ายความผิดด้วย





ทั้งนี้ อย.พบความผิดที่ตัวสลากผลิตภัณฑ์ และการโฆษณาโอ้อวด โดยจะส่งเรื่องนี้ให้พนักงานสอบสวนดำเนินการ ส่วนจะมีการพักใช้ใบอนุญาตและงดผลิตหรือไม่นั้น เบื้องต้นได้ส่งตัวยาในแคปซูลไปให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจสอบแล้ว อยู่ระหว่างวิเคราะห์ข้อมูล