สบส.รุดตรวจบ้านใจเกื้อหลังคลิปล้อผู้ป่วยว่อน

2018-05-17 17:45:04

สบส.รุดตรวจบ้านใจเกื้อหลังคลิปล้อผู้ป่วยว่อน

Advertisement

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพรุดตรวจ “บ้านใจเกื้อ” ชี้ผู้ช่วยพยาบาลเพิ่งเรียนจบ ม.6 เป็นวัยรุ่น จึงขาดสติ ด้าน ผู้จัดการสถานพักฟื้นฯวอนลบคลิปผู้ป่วย

เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 17 พ.ค. กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานพักฟื้นผู้ป่วยผู้สูงอายุ บ้านใจเกื้อ ภายหลังโลกออนไลน์ได้โพสต์คลิปวิดีโอ ผู้ช่วยพยาบาล กำลังเต้นประกอบเพลงเล่นกับผู้สูงอายุ ก่อนใช้ข้อความไม่เหมาะสมหยอกล้อผู้สูงอายุที่ไม่รู้สึกตัว และเป็นผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งตอนนี้ผู้ช่วยพยาบาลโดนให้ออกจากงานแล้ว โดย นพ.ภัทรพล จึงสมเจตไพศาล รองโฆษกกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า จากการตรวจสอบสถานประกอบการบ้านใจเกื้อยังขาดคุณสมบัติในบางเรื่อง เช่น ความกว้างระหว่างเตียง คุณสมบัติของบุคลากรที่ต้องมีผู้ดำเนินการอยู่ และเรื่องการความคำนึงถึงสิทธิของผู้ป่วย โดยได้พูดคุยทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการเพื่อให้ปรับปรุงสถานประกอบการแล้ว



นพ.ภัทรพล กล่าวต่อว่า ในส่วนของพนักงานที่กระทำผิดนั้น รู้สึกเห็นใจ เพราะเพิ่งเรียนจบ ม.6 อายุยังไม่ถึง 20 ปี และมีความตั้งใจในการเข้ามาเรียน รร.ผู้ช่วยพยาบาลหลักสูตร 6 เดือน หลังจบแล้วก็มาสมัครงานที่สถานประกอบการดังกล่าว ซึ่งมีกระบวนการในการรับสมัครงาน การคัดกรองและทดลองงาน โดยตลอดระยะเวลา 7 เดือนที่น้องทำงานไม่มีปัญหาใดๆ แต่เชื่อว่าอาจจะเป็นเพราะความเป็นวัยรุ่น จึงขาดสติและไม่รอบคอบในเรื่องการทำตรงนี้ทำให้ทำผิดได้ซึ่งทางสถานประกอบการก็ได้ดำเนินการว่ากล่าวตักเตือนและให้พ้นจากสภาพการเป็นพนักงานแล้ว




นายสันติ โนติ๊บ ผู้จัดการสถานพักฟื้นผู้ป่วย ผู้สูงอายุบ้านใจเกื้อ สาขาท่าพระ กล่าวว่า ในวันนี้เบื้องต้นทาง สบส. ได้มาตรวจสอบความสะอาดและวิธีปฏิบัติ พร้อมมีคำแนะนำในบางส่วนที่อาจจะมีการจัดวางเตียงที่ผิดตำแหน่ง เพื่อให้สะดวกสบายกับผู้ป่วย ซึ่งทางสถานบริการยอมรับและจะนำไปปรับปรุงให้ดีขึ้น ทั้งนี้หลังจากเกิดเหตุการณ์ขึ้น ทางสถานบริการได้พูดคุยกับญาติผู้ป่วย ทางญาติขอให้สถานบริการดำเนินการลบคลิปที่มีอยู่ในโลกโซเชียล ซึ่งขณะนี้กำลังปรึกษากับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะสามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง และจะขอความร่วมมือจากหลายฝ่ายอย่างไร เพื่อไม่ให้ภาพของผู้ป่วยกระจายหรือเผยแพร่ต่อไปอีก



นายสันติ กล่าวต่อว่า สถานประกอบการเองมีกฎระเบียบในขณะปฏิบัติหน้าที่ ไม่ให้ใช้โทรศัพท์มือถืออยู่แล้ว แต่อาจจะเป็นเรื่องของการทำผิดกฎ ซึ่งไม่สามารถควบคุมได้ทั้งหมด เพราะไม่ได้เคร่งครัดมาก แค่เป็นการขอความร่วมมือกับพนักงานอย่าใช้โทรศัพท์มือถือในระหว่างการทำงาน แต่เหตุการดังกล่าวเกินเลยไปถึงขั้นใช้แอพพลิเคชั่นและกระทำกับผู้ป่วย ซึ่งมีความผิดที่ร้ายแรง และได้ลงโทษไปแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ยืนยันว่า พนักงานคนดังกล่าวไม่เคยทำผิดกฎมาก่อน โดยปกติเป็นคนนิสัยร่าเริงสนุกสนานมากกว่า อย่างไรก็ตาม กังวลใจในส่วนของภาพที่ยังค้างในโลกโซเชียล จึงขอความร่วมมือให้ลบคลิปดังกล่าว หากสื่ออยากนำเสนอข่าวก็ขอให้เซ็นเซอร์คลิปภาพผู้ป่วยด้วย