กรมควบคุมโรคห่วงโรคความดันโลหิตสูงพุ่ง

2018-05-17 15:20:25

กรมควบคุมโรคห่วงโรคความดันโลหิตสูงพุ่ง

Advertisement

กรมควบคุมโรคห่วงโรคความดันโลหิตสูงพุ่ง เผยข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี พบจากประมาณ 3.9 ล้านราย เป็นกว่า 5.5 ล้านราย เหตุจากปัจจัยการดำเนินชีวิตเปลี่ยนไป



เมื่อวันที่ 17 พ.ค. นพ.ขจรศักดิ์ แก้วจรัส รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สมาพันธ์ความดันโลหิตสูงโลกกำหนดให้วันที่ 17 พ.ค.ของทุกปี เป็นวันความดันโลหิตสูงโลก เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของภาวะความดันโลหิตที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างมาก โดยปี 2561 ทางสมาพันธ์ฯได้ใช้คำขวัญเพื่อการรณรงค์ที่ว่า “Know Your Numbers” หรือ “ท่านทราบระดับ ความดันโลหิตของท่านหรือไม่” โดยให้ความสำคัญกับการให้ประชาชนทราบค่าความดันโลหิตของตนเอง นำไปสู่การป้องกันโรคความดันโลหิตสูง สำหรับสถานการณ์โรคความดันโลหิตสูงของประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากอดีต โดยข้อมูลจาก ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ประเทศไทยช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ปี 2556 – 2560 อัตราป่วยโรคความดันโลหิตสูงต่อประชากรแสนคน เพิ่มขึ้นจาก 12,342 (จำนวน 3,936,171 ราย) เป็น 14,926 (จำนวน 5,597,671 ราย) โดยสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัจจัยการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไป เช่น การรับประทานที่มีรสเค็มจัด หรือทานของทอดมากเกินไป ขาดกิจกรรมทางกายหรือขาดการออกกำลังกาย และ มีปัจจัยเสี่ยงจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่

นพ.ขจรศักดิ์ กล่าวต่อว่า กรมควบคุมโรคพยายามให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง คือ อายุมากกว่า 35 ปี ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง หรือผู้ที่มีภาวะอ้วน สามารถเข้าถึงการวัดความดันโลหิต ให้มากขึ้น เพื่อทราบค่าความดันโลหิตของตนเองและตระหนักถึงอันตรายของภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ขณะนี้กรมควบคุมโรคมีการขับเคลื่อนให้เกิดการวัดความดันโลหิตที่บ้าน และยังมีโครงการวัดความดันโลหิตที่ธนาคารที่เป็นการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงการวัดความดันโลหิต ลดช่องว่างและความยุ่งยากของการเดินทางไปตรวจวัดที่สถานพยาบาล





นพ.ขจรศักดิ์ กล่าวอีกว่า โรคความดันโลหิตสูงนั้น เป็นฆาตกรเงียบ ที่ซ่อนเร้นในร่างกาย หากขาดการตรวจคัดกรองจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย และโรคหลอดเลือดสมอง แต่โรคความดันโลหิตเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ง่ายๆ ด้วยหลัก คือ “3 อ 2 ส” อ.อาหาร คือ ทานอาหารแต่พอดี งดทานอาหารหวาน มัน เค็มจัด อ.ออกกำลังกาย โดยออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วันหรืออย่างต่ำสัปดาห์ละ 150 นาที อ.อารมณ์ คือ ทำจิตใจให้แจ่มใส ส.ไม่สูบบุหรี่ และ ส.ลดการดื่มสุราเบียร์และเครื่องดื่มมึนเมา ที่สำคัญควรตรวจวัดความดันโลหิตเป็นประจำ เพื่อให้ทราบระดับของตนเองและป้องกันโรค โดยทางสมาพันธ์ความดันโลหิตโลกกำหนดค่าความดันโลหิตที่เหมาะสม คือ ตัวบน (ค่าความดันขณะหัวใจบีบตัว:Systolic) ไม่ควรเกิน 120 ค่าตัวล่าง (ค่าความดันขณะหัวใจคลายตัว:Diastolic) ไม่ควรเกิน 80 หรือที่นิยมกล่าวคือ ไม่เกิน 120/80 สิ่งที่ควรทำเป็นประจำเพื่อประเมินสุขภาพ คือ การชั่งน้ำหนัก และการวัดรอบเอว