ลุ้นถึงศาลฎีกา! พิพาท “วัดพนัญเชิง” ทวงคืนพื้นที่สุสาน

2018-05-17 11:45:52

ลุ้นถึงศาลฎีกา! พิพาท “วัดพนัญเชิง”  ทวงคืนพื้นที่สุสาน

Advertisement

จากกรณีเมื่อปี 2556 ทางวัดพนัญเชิงวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ขึ้นป้ายประกาศว่าทางวัดมีโครงการพัฒนาที่ดินบริเวณสุสานสาธารณะอยู่ฝั่งตรงข้ามวัดพนัญเชิง เนื้อที่ทั้งหมด 20 ไร่ เพื่อใช้ประโยชน์ต่อสาธารณชน จึงห้ามบุคคลใดเข้าไปทำประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น บุตรหลานที่ฝังศพบรรพชนไว้กว่า 1,600 หลุม ให้ขุดศพย้ายภายในวันที่ 1 ส.ค. 2557 ต่อจากนั้นทางวัดได้มีหนังสือถึงทางมูลนิธิวัดพนัญเชิง (เซียง เต็ก ตึ้ง) ขนย้ายสิ่งของออกจากที่ดินวัด และแจ้งให้ผู้ที่มาใช้ประโยชน์หรือแสวงหาประโยชน์ในที่ดินของวัดระงับการใช้พื้นที่และเคลื่อนย้าย ทรัพย์สินออกไป ส่วนผู้ที่นำศพบรรพชนฝังในที่ดินของวัด ขอให้ติดต่อกับทางวัด และตรวจสอบเรื่องการเงินกับผู้ที่รับเงินจากท่านไป การรับ-จ่ายเงินค่าที่ดินสุสานดังกล่าว มิได้มีความเกี่ยวข้องกับวัดแต่ประการใดทั้งสิ้น ทางมูลนิธิวัดพนัญเชิง(เซียง เต็ก ตึ้ง) ได้ประสานทางวัดและทางจังหวัด ประชุมหาทางออกกันหลายครั้งแต่ไม่เป็นผลหาข้อยุติไม่ได้ ทางวัดจึงยื่นฟ้องมูลนิธิวัดพนัญเชิง (เซียง เต็ก ตึ้ง) เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2557 คดีหมายเลขดำที่ 985/2557 ระหว่างวัดพนัญเชิงวรวิหาร โดยพระมหาเชิดชัย กตปุญโญ โจทก์ มูลนิธิเซียงเต็กตึ้ง จำเลยที่ 1 และนายวินัย อัศวราชันย์ (ประธานมมูลนิธิ) จำเลยที่ 2


กระทั่งล่าสุดศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (ศาลชั้นต้น) ได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 1 ต.ค.58 1. ให้จำเลยทั้งสองออกจากที่ดินพิพาท และ ให้รื้อถอนอาคารสำนักงานของจำเลย บ้านพักคนงาน และบริวาร (หมายถึงคนงาน) ออกไปจาก ที่ดินพิพาท และห้ามจำเลยไม่ให้รบกวนสิทธิครอบครองที่ดินของโจทก์ 2. ศาลาบำเพ็ญกุศล สร้างก่อนจัดตั้งมูลนิธิ จึงไม่ใช่สิ่งปลูกสร้างของจำเลย ไม่ต้องรื้อ 3. ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่ โจทก์ เดือนละ 400 บาท จนกว่าจะรื้อสำนักงานของจำเลยและบ้านพักคนงานออกไปจากที่ดินโจทก์ 4. ฮวงซุ้ยและศพ เป็นของทายาทลูกหลาน ซึ่งเข้าฝังศพโดยเปิดเผย สุจริตตามเจตนาให้ทำ สุสานสาธารณะของโจทก์ ไม่ต้องรื้อถอนออกจากที่ดินพิพาท และ 5. ห้ามโจทก์ดำเนิน โครงการที่มีวัตถุประสงค์ขัดกับวัตถุประสงค์ของสุสานสาธารณกุศล


ทางโจทก์และจำเลย ได้มีการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ ภาค1 มีการสืบพยานคำขอ ของฝ่ายโจทก์และจำเลย ต่อมาศาลอุทธรณ์พิจารณายืนตามศาลชั้นต้น ต่อมาทาง ฝ่ายโจทก์มีการยื่นฎีกา ต่อศาล จ.พระนครศรีอยุธยา ล่าสุดศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษา วันที่ 17 พ.ค. ในเวลา 09.00 น. ที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมระยะเวลากว่า 5 ปี นับตั้งแต่มีข้อพิพาท