บุกยึดบ่อเลี้ยงกุ้ง รุกป่ากว่า 100 ไร่

2018-05-17 11:00:51

บุกยึดบ่อเลี้ยงกุ้ง รุกป่ากว่า 100 ไร่

Advertisement

เจ้าหน้าที่สถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 26 สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร เข้าตรวจสอบบ่อเลี้ยงกุ้ง ในพื้นที่ หมู่ 4 และหมู่ 5 ต.ไสไทย อ.เมืองกระบี่ พร้อมขึ้นป้ายยึดพื้นที่คืนรวม 2 แปลงเนื้อที่กว่า 100 ไร่ หลังจับกุมดำเนินคดีเมื่อปี 59 แต่อัยการสั่งไม่ฟ้องเนื่องจากผู้ต้องหา อ้างไม่รู้แนวเขตป่าสงวน

เมื่อวันที่ 17 พ.ค. นายณรงฤทธิ์ เพชรชนะ หัวหน้าสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 26 (เมืองกระบี่) พร้อมด้วย ร.ท.ณรงค์พรม นามทอง รองผู้บังคับหมวด รักษาความสงบ กองพันทหารราบที่1 กรมทหารราบที่ 15 นายอับดลอารีด เล็กกุล กำนันตำบลไสไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองกระบี่ เจ้าหน้าที่สถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนฯ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ร่วมออกปฏิบัติการทวงคืนผืนป่าชายเลน ที่มีการบุกรุกเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองจิหลาด ในพื้นที่ม.4 และ ม.5 ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ รวม 2 แปลง เนื้อที่กว่า 100 ไร่ หลังได้มีการจับกุมดำเนินคดี เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2559

โดยแปลงแรก อยู่ในพื้นที่ ม.4 ต.ไสไทย เนื้อที่ 35 ไร่ 0งาน 15 ตารางวา มีผู้ต้องหา 2 ราย ประกอบด้วย นายมนัส อ้นคง และนายสถาพร แกล้วกล้า ซึ่งผลทางคดี ทางสำนักงานอัยการ จ.กระบี่ มีหนังสือที่ อส.0042(กบ)/5861 ลงวันที่ 21 ส.ค. 2560 แจ้งผลการดำเนินคดีอาญาว่า พนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองราย ซึ่งขณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพื้นที่ไม่พบบุคคลใดในพื้นที่ ส่วนสภาพบ่อเลี้ยงกุ้งโดยทั่วไปพบว่า พบอุปกรณ์เลี้ยงกุ้งบางส่วนถูกทิ้งไว้ ไม่มีการเลี้ยงกุ้ง และมีการปล่อยน้ำเข้าออกตามธรรมชาติ เจ้าหน้าที่จึงปักป้ายยึดพื้นที่ ห้ามบุคคลใดเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่




ส่วนแปลงที่ 2 อยู่ในพื้นที่บ้านอ่าวน้ำเมา ม.5 ต.ไสไทย เนื้อที่ 88 ไร่ 3 งาน 56 ตารางวา มีผู้ต้องหา 3 ราย ประกอบด้วย นายวิเชียร นุ่นบุญคง นายสมบูรณ์ เทิดเกียรติขจร และนายนิยม ห้าฝา ซึ่งผลคดี ทางสำนักงานอัยการ จ.กระบี่ ได้มีหนังสือที่ อส.0042 (กบ) /5861 ลงวันที่ 21 ส.ค.2560 แจ้งผลคดีอาญาว่า พนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องผู้ต้องหา จากการตรวจสอบสภาพพื้นที่พบว่าได้หยุดการเลี้ยงไปแล้วเช่นกัน เหลือเพียงอุปกรณ์บางส่วน เจ้าหน้าที่ได้ขึ้นป้ายประกาศ ยึดพื้นที่คืน ห้ามบุคคลใดเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่

นายณรงค์ฤทธิ์ เปิดเผยว่า ก่อนจับกุมดำเนินคดีทั้ง 2 แปลง นั้นได้มีการตรวจสอบพบว่ามีการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนทำบ่อเลี้ยงกุ้ง ผู้แต่ต้องหาในคดีอ้างว่า ได้เช่าต่อมาอีกทีหนึ่ง ไม่ได้มีเจตนาบุกรุกเพราะไม่รู้แนวเขตป่าสงวน อัยการจึงสั่งไม่ฟ้อง ส่วนกรณีที่มีการระบุว่าเป็นของอดีต ส.ส.กระบี่ นั้นตนไม่ทราบ ซึ่งในวันนี้ได้มาตรวจสอบว่า หลังมีการจับกุมดำเนินคดีแล้วมีการทำประโยชน์อีกหรือไม่ ในเบื้องต้นไม่พบว่ามีการทำประโยชน์ ทั้งนี้จากการวัดแนวเขต พบว่าแปลงแรกรุกล้ำในเขตป่าสงวน 22 ไร่ ส่วนแปลงที่ 2 รุกล้ำเขตป่าสงวน 49 ไร่ ซึ่งหลังจากนี้จะหาแนวทางฟื้นฟูสภาพป่าต่อไป