“บิ๊กโจ๊ก” ลุยค้น 104 จุด จับกุมชาวต่างชาติ 37 ราย หลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต อยู่ในราชอาณาจักรเกินกำหนด เตรียมผลักดันออกนอกประเทศ
เมื่อเวลา 02.15น. วันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่ลานหน้าอาร์ซีเอ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) พร้อมด้วยตำรวจจากกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 นำกำลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติยุทธการ X-RAY OUTLAW FOREIGNER ครั้งที่ 11 ปิดล้อมตรวจค้นสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก โรงแรม โรงเรียน สถาบันกวดวิชา ที่บุคคลต่างด้าวเป้าหมายอาศัยอยู่104 เป้าหมาย ทั่วประเทศ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ ทั้งหมด 37 ราย ใน 2 ข้อหาหลัก คือ “เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยสิ้นสุดการอนุญาต” 6 ราย ข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต” 27 ราย และข้อหาอื่นๆ 4 ราย
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ผู้ต้องหาที่จับได้จะเพิกถอนวีซ่า ทำแบล็กลิสต์ ผลักดันส่งกลับประเทศต้นทาง ส่วนบุคคลที่วีซ่ายังไม่หมดอายุการอยู่ต่อจะทำการสืบสวนอีกครั้ง หากพบว่ามาค้าประเวณีจะยกเลิกวีซ่าและส่งกลับประเทศ ทั้งนี้จากการรวบรวมการปฏิบัติยุทธการ 25 ครั้ง ตรวจค้นเป้าหมาย 3,474 เป้าหมายจับกุมผู้กระทำความผิดได้ ทั้งหมด 1,161 ราย
นอกจากนี้ยังสามารถจับกุม ผู้ต้องหาที่ลักลอบขายกัญชาได้อีก 2 ราย คือนายพัชรพล หรือโอ จันทกนก อายุ 24 ปี และน.ส.อนุธิดา หรือหนิง ศรีสว่าง อายุ 20 ปี พร้อมของกลาง กัญชา น้ำหนัก 10 กิโลกรัม พร้อมอุปกรณ์การแพ็คยาเสพติดส่งขายทางไปรษณีย์ หลายรายการ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าต้องการนำเงินมาต่อสู้คดี หลังถูกจับกุมมาก่อนแล้วเมื่อเดือน ต.ค. 2560 และอยู่ในระหว่างประกันตัวเพื่อต่อสู้คดี โดยฝ่ายชายจะรับกัญชามาทีละ 50 กิโลกรัม แบ่งจำหน่ายได้กำไรครั้งละกว่า 40,000 บาท นำตัวดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” ต่อไป