เปิดใจพ่อหัวร้อนไม่ชอบตำรวจ แม่อ้างจบนิติศาสตร์

2018-05-15 13:10:41

เปิดใจพ่อหัวร้อนไม่ชอบตำรวจ แม่อ้างจบนิติศาสตร์

Advertisement

เปิดใจครอบครัวหัวร้อน ฝ่ายพ่อระบุไม่ชอบตำรวจอยู่แล้ว เวลาตรวจค้นชอบใช้อำนาจ ด้านแม่ยอมรับแอบอ้างจบนิติศาสตร์ มธ. ชี้มีปมกับตำรวจเลยศึกษากฎหมายจากพี่เรียนนิติศาสตร์ เวลามีเรื่องจะอ้างว่าจบตลอด พร้อมพาลูกชายไปขอโทษตำรวจโดนต่อย



จากกรณีโลกออนไลน์เกิดกระแสวิจารณ์อย่างหนัก เมื่อครอบครัวหัวร้อนได้จอดรถบริเวณที่ห้ามจอด ในเขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด อ.เมือง จ. ระยอง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจะดำเนินการตามกฎหมาย แต่กลุ่มคนดังกล่าวไม่ยอม พร้อมเข้าต่อว่าเจ้าหน้าที่ด้วยถ้อยคำหยาบคาย และชกเข้าที่เบ้าตาเจ้าหน้าที่ 1 นาย จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำดังกล่าวไปทั่วสังคมออนไลน์ ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้ง ข้อหาทำร้ายร่างกาย ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ และดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ขณะที่ครอบครัวซึ่งปรากฎในคลิป ประกอบด้วยพ่อแม่ลูกได้เข้าแจ้งความเอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มาบตาพุด ในข้อหากระทำเกินกว่าเหตุ และทำร้ายร่างกายตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น



ล่าสุด นายพยอม แสงวันดี อายุ 32 ปี กับ น.ส.หทัยรัตน์ สมถวิล อายุ 35 ปี สองสามีภรรยาหัวร้อนในคลิปได้ ไปเปิดใจในรายการต่างคนต่างคิดทางช่องอัมรินทร์ทีวี ดำเนินรายการโดย "พุทธอภิวรรณ องค์พระบารมี" โดยพิธีกรเริ่มถามคำถามว่า ทำไมดูตอนนี้ไม่เหมือนคนในคลิป ซึ่ง นายพยอม กล่าวว่า ตำรวจไม่ได้ทำให้โมโห ยอมรับจอดรถในที่ห้ามจอดจริง พอโดนกระแสโจมตีเราก็อยากจะแก้ตัวบ้าง ลูกก็โดน เมียก็โดน ก็ต้องไปแจ้งความแสดงความบริสุทธิ์





“ผมไม่ชอบตำรวจอยู่แล้ว เวลาตำรวจตรวจค้นใช้อำนาจมาเลย ถ้ามาขอตรวจค้นดีๆไม่ว่าอะไร แต่นี่เขามาใช้อำนาจเลย ทำไมไม่พูดกันดี ๆ”นายพยอม กล่าว

เมื่อถามว่า ทำไมลูกปรี่เข้าไปหาตำรวจ นายพยอม กล่าวว่า พอเห็นพ่อแมขึ้นเขาจะโมโห เขาบอกว่าแม่เขาท้อง ตำรวจไม่ฟัง ตำรวจผลักแม่หลายที เขาไม่อยากให้ทำคนท้อง



ด้าน น.ส.หทัยรัตน์ ตอบข้อสงสัยที่ว่าท้องหรือไม่ท้องโดยยอมรับว่า ท้องจริง 3 เดือน เหตุที่ถือมือถือถ่ายคลิปและรูปตลอด เพราะเดิมมีตำรวจนายเดียว แต่เขาเรียกกำลังเสริมมา เราทำอะไรผิด ตอนแรกโดนผลัก เซนิดหน่อย และมีการกระชากประตู เริ่มมีปากเสียงกันแรงขึ้น พอใกล้ ๆ ท้ายคลิปเขาผลักกระแทกติดรถเลย ลูกชายเลยเข้ามาดันตำรวจ ลูกชายแค่ผลักเขา แต่โดนต่อย 3 ครั้ง เหตุที่ไม่ไปแจ้งความตอนแรก พยายามบอกร้อยเวรว่าให้ยุติแค่นี้ เขาบอกจะแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่คิดว่าเรื่องจะเยอะ



พิธีกรถามว่า การปรี่เข้าไปด่าตำรวจแบบนี้ทำบ่อยหรือไม่ น.ส.หทัยรัตน์ กล่าวว่า กรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่านั้น เราแค่จอดรถผิดที่ผิดทาง จู่ ๆ ตำรวจมาหลายนายมาก มีเสียงโวยวายเราเลยต้องถ่ายคลิป

เมื่อถามว่า ทุกชอตเห็นถือมือถือตลอดนี่ไม่ใช่ครั้งแรกเหมือนทำเป็นนิสัย น.ส.หทัยรัตน์ กล่าวว่า ถ่ายจริงไว้เป็นหลักฐานเสมอ ส่วนที่ว่าทำไมไม่เปิดหลักฐานให้เห็นว่าตำรวจทำร้าย น.ส.หทัยรัตน์ บอกว่า มีช่วงชุลมุนโทรศัพท์จะร่วงลงไป อาจจะไม่ได้เห็นตอนบีบคอ แต่จะมีรอยช้ำอยู่



พิธีกรถามอีกว่า ตกลงจบนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จริงหรือไม่ น.ส.หทัยรัตน์ กล่าวว่า ไม่ได้จบ เป็นการแอบอ้าง เมื่อถามว่าทำไมต้องอ้าง น.ส.หทัยรัตน์ กล่าวว่า หนูมีปมกับตำรวจ หนูศึกษากฎหมายจากพี่เรียนนิติศาสตร์ จากนั้นหนูเคร่งเรื่องกฎหมาย เวลามีเรื่องจะอ้างว่าจบตลอด ยอมรับด้วยปมผูกใจกับตำรวจ ส่วนนายพยอม กล่าวเสริมว่า ที่อ้างว่าจบนิติศาสตร์ เพราะอยากให้ตำรวจเกรงเรานิดหน่อย




ส่วนป้าจ่อย ซึ่งเป็นพยานให้ฝ่ายตำรวจอ้างว่าถูกข่มขู่นั้น สองสามีภรรยา ชี้แจว่า ไม่ได้ข่มขู่ แต่มีไปถาม ก็อาจจะมีขึ้นเสียงบ้าง ป้าทำไมไปให้การอย่างนั้น เมื่อพิธีกรถามว่า บอกว่าจะเอาคนไปข่มขืนป้าจ่อย นายพยอม กล่าวว่า ไม่มีใครพูด โหหน้าตาอย่างนั้น ไม่มีครับ มีแต่เขาถือมีด และลูกชายถ่ายรูป ถ่ายคลิปไว้ ป้าถือมีดใส่เขาทำท่าจะฟัน ลูกชายเลยถ่ายไว้ ก็บอกไปว่าพูดความเท็จระวังผิดนะป้า ยืนยันว่า ไม่มีการข่มขู่ ส่วนนายพยอม กล่าวเสริมว่า ไม่ได่ลงจากรถ มีแต่ลูกชายลงไปถ่ายรูป



ด้านป้าจ่อย ได้กล่าวกับรายการโดยยอมรับว่า โดนขู่จริง เขาบอกจะเอาคนมาทำร้าย เขาพูดไม่ดีเลยค่ะ ที่ป้าถือมีด ก็จริงไม่ได่ฟัน ภาพก่อนหน้านั้น มันถูกตัวเราแล้ว มันมาถึงตัวเราแล้ว เริ่มแรก ป้าขายของอยู่ นึกว่าจะมาซื้อกับข้าว ป้าถามจะเอาอะไรเขาก็ไม่ตอบ พอเงยหน้า 3 แม่ลูก ป้าจะลุกเดินหนี มันบอกนี่มึงใช่ไหม ที่ให้ข่าวลูกกูตบหน้าตำรวจ ก็ถามว่าทำจริงไหม เขาไม่ฟัง กระโดดมาบอกมึงหัวหมอเลย เขามาจี้ป้าตรงเอว ก็เลยบอกว่าจะทำอะไรก็ทำเลยกูไม่มีอาวุธ 






ส่วนเรื่องที่ จ.ตาก น.ส.หทัยรัตน์ ชี้แจงว่า เขาขับรถเหยียบปลายรองเท้า ยืนยันว่า ไม่ได้เรียกเงิน อยากได้แค่คำขอโทษ ตอนนั้นไปงานแต่งงาน ที่ไม่ไปโรงพักเพราะเสียเวลา เพราะไปเอาเรื่องเขาไม่ได้อยู่แล้ว สำหรับกรณีที่ จ.นนทบุรี นายพยอม กล่าวว่า ขับรถมาจากบางใหญ่ จะเข้าซอยท่าอิฐ หักเข้าซอยอาจะปาดหน้าเขาก่อน อันนี้ขับรถปาดหน้ากัน

น.ส.หทัยรัตน์ กล่าวว่า ทุกวันนี้มีคนโทรมาด่า บางคนก็ให้กำลังใจ มีทุกรูปแบบ บางคนบอกสู้ ๆ พอด่าก็อธิบายให้ฟัง เขาก็บอกให้ใจเย็น ๆ


เมื่อถามว่า สังคมไม่เชื่อที่คุณพูด มีอะไรจะบอกสังคม ครอบครัวคุณอันตรายปล่อยไว้ไม่ได้ น.ส.หทัยรัตน์ กล่าวว่า อยากให้เข้าใจ มองเราอีกแง่ ก่อนเราจะแรง ทุกคนมีอารมณ์โมโห อยู่ดี ๆจะปรี้ดใส่เป็นไปไม่ได้ ถ้าคนคุยดีกับเราจะแรงกับเขาทำไม ไม่ถึงขนาดจะต้องแรงใส่เขาทุกคน อยากให้เข้าใจมองเราในอีกแง่






ต่อข้อถามว่า คิดจะขอโทษตำรวจ หรือ ไม่ น.ส.หทัยรัตน์ กล่าวว่า ก็ต้องให้ลูกไปขอโทษ เพราะเด็กไม่ได้ตั้งใจจะต่อย เส้นเลือดฝอยแตก ไม่คิดว่าเรื่องจะบานปลาย อยากให้ขอโทษ เมื่อถามอีกว่า สอนลูกบ้างหรือไม่ น.ส.หทัยรัตน์ กล่าวว่า สอนค่ะ อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ด้านนายพยอม กล่าวว่า เขาโกรธเพราะพ่อแม่โดนก่อน เขาอาจจะเก็บกด แต่เขาอยู่กับพ่อแม่จะอยู่ในกรอบ พอทะเลาะจะปล่อยเต็มที่ น.ส.หทัยรัตน์ กล่าวเสริมว่า อาจจะเห็นแม่โวยวาย อันนี้อาจจะมีส่วน ต้องลดลงบ้าง ถ้าเราไม่ถูกกระทำ คงไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ด้านนายพยอม กล่าวว่า ถ้ามีทำอะไรไม่ดีกับตัวเองต้องตอบโต้แบบนี้ เพราะว่าเราไม่ผิด



ขอบคุณ : รายการต่างคนต่างคิด