สละโสดไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ "น้ำหวาน รักษ์ณภัค" หรือ "น้ำหวาน เดอะเฟส" ที่จูงมือ "ดร.ณัฐวุฒิ ม้าแก้ว" หรือ "ณัฐ" นักธุรกิจเต็นท์รถซูเปอร์คาร์ เข้าพิธีวิวาห์ไปเมื่อวานนี้ ณ BENEDICT STUDIO ท่ามกลางแขกคนสนิทที่มาร่วมงานกันอย่างมีความสุข ทั้งนี้ทั้งบ่าวสาวได้ออกมาเผยความในใจถึงวันสำคัญในครั้งนี้ว่า
ธีมงานในวันนี้ ?
น้ำหวาน : เป็นธีม Rose Gold , Pink Gold , Gold ค่ะ"
เพื่อนเจ้าสาวมีใครบ้าง ?
น้ำหวาน : งานในวันนี้ไม่มีเพื่อนเจ้าสาวและไม่มีเพื่อนเจ้าบ่าว เพราะเราคุยกันแล้วว่าเราอยากจัดงานแต่งที่เรียบง่าย ไม่ต้องมีพิธีอะไรเยอะ อยากให้ทุกคนมางานแล้วสนุก อบอุ่นเป็นกันเองมากกว่าค่ะ
ตอนขอแต่งมีพิธีกับทางผู้ใหญ่ยังไงบ้าง ?
น้ำหวาน : ก็มีค่ะ มีไปนัดกินข้าวกัน ไปคุยกันส่วนตัว"
ณัฐ : สองครอบครัวครับ
สินสอดเท่าไหร่ ?
น้ำหวาน : พี่เขาก็ให้มาแล้วแหละ แต่ขอไม่บอกเป็นตัวเลข
ณัฐ : คือไม่ได้บอกเป็นตัวเลข แต่ให้เป็นของชิ้นใหญ่ที่เจ้าสาวอยากได้มาตั้งแต่เกิด และผมไม่ได้มองว่าสินสอดจะต้องเป็นจำนวนเท่าไหร่ มองว่าทั้งชีวิตที่เราหามาได้นั่นคือสินสอดที่ผมต้องการจะให้เขา
เรือนหอเป็นยังไงบ้าง ?
ณัฐ : จริงๆ แล้วผมก็มีบ้านของตัวเอง พอแต่งงานไปก็อยากให้เขาเข้ามาอยู่ที่บ้าน แต่ก็มีแพลนว่าจะสร้างบ้านให้เขาเพิ่มด้วย ก็เป็นเรื่องของอนาคตครับ
วางแผนหลังจากแต่งยังไง ?
น้ำหวาน : จริงๆ เราก็ใช้ชีวิตปกติอย่างที่เคยใช้มา หลังแต่งงานเราก็วางแพลนไว้ว่าจะมีไปฮันนีมูนกันที่ยุโรป ประมาณ 2 อาทิตย์ค่ะ แต่ช่วงเดือนไหนต้องดูคิวอีกทีค่ะ
ณัฐ : คิวหลักๆ น่าจะเป็นที่เจ้าสาวมากกว่า เจ้าสาวคิวแน่น
แต่งแล้วต้องสกรีนงานเซ็กซี่มากขึ้นไหม?
น้ำหวาน : ไม่ค่ะ จริงๆ หนูก็รับงานปกติ ส่วนในเรื่องของเซ็กซี่เวลาไปออกงานเราก็เซ็กซี่อยู่แล้ว พี่เขาก็ไม่ติด ใช่ไหม(หัวเราะ)
ณัฐ : ทำใจมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว (ยิ้ม) ทำใจตั้งแต่เข้าวงการตั้งแต่แรกสุดเลย
น้ำหวาน : เรื่องเซ็กซี่ก็คงปกติเหมือนตั้งแต่แรก แต่ถ้ามีในส่วนของชุดว่ายน้ำก็อาจจะต้องมีคุยกันบ้าง (หัวเราะ) แต่ปกติพี่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ
มีทายาทเลยไหม ?
น้ำหวาน : ยังค่ะ หนูเพิ่งเข้าวงการ อยากจะทำงานตรงนี้หาประสบการณ์ตรงนี้ก่อน เพราะโอกาสช่วงนี้มันเข้ามาแล้ว หนูก็อยากจะทำตรงนี้ให้มันดี ก็คุยกันไว้ว่าน่าจะอีกประมาณ 4 ปีค่ะ
ณัฐ : สักพักครับ เอาให้ทุกอย่างลงตัวก่อนก็น่าจะโอเค
เราสองคนเจอกันได้ยังไง ?
ณัฐ : ผมกับน้ำหวานคบกันมาประมาณ 5 ปี ก็มีทั้งคบทั้งเลิกในช่วงเวลานั้น ผมเจอน้ำหวานครั้งแรกตอนเขาไปประกวดรายการหนึ่งทางช่อง 3 วันแรกที่เขาประกวดก็เหมือนเด็กคนหนึ่งที่เข้าไปเทรนด์ เราเจอแล้วรู้สึกว่าน้องคนนี้น่ารัก ผมก็ให้ทีมงานเข้าไปคุยให้ก็เลยได้คุยกันเป็นเพื่อนกันและสานต่อกันมาเรื่อยๆ
ประทับใจที่อะไรตัดสินใจแต่งงานใช้ชีวิตคู่กัน ?
ณัฐ : มันถึงจุดนั้นแล้วแหละ
น้ำหวาน : มันถึงจุดด้วยและพี่เขาทำให้เรารู้ว่าคนนี้แหละที่จะมาดูแลปกป้องเราได้ ไม่ใช่แค่ด้วยคำพูดว่าฉันจะดูแลเธอ จะปกป้องเธอ แต่พี่เขาทำทุกอย่างให้เราเห็นว่าเขาพร้อมแล้วที่จะปกป้องเรา ที่จะดูแลครอบครัวเราด้วย
เคยเลิกรากันด้วย?
น้ำหวาน : เคยเลิกกันไป 2 รอบ
ณัฐ : ก็คงคล้ายหลายๆ คู่ที่วันหนึ่งเราเจอปัญหาแล้วตัดสินปัญหาด้วยการเลิกกัน สุดท้ายคนที่ต้องคู่กันก็ต้องกลับมาคู่กันอีก ก็จะมีเหตุการณ์ที่ทำให้เรากลับมาคู่กันอีก สิ่งที่ประทับใจในตัวเขาทำให้ตัดสินใจแต่งงาน คือทุกครั้งที่เลิกกันจะมีข้อเสียทำให้เราเลิก แต่ทุกครั้งที่กลับมาข้อเสียต่างๆ โดนแก้ไข ทุกครั้งที่กลับมาคุยเขาเป็นผู้ใหญ่ขึ้นก้าวไปแต่ละก้าวด้วยกันจนวันนี้เรารู้สึกว่าถึงเวลาแล้วที่จะใช้ชีวิตด้วยกัน
หลังแต่งงานต้องลดความเซ็กซี่ลงด้วยไหม?
น้ำหวาน : เราคุยกันแล้วและคุยกับผู้ใหญ่ด้วย พี่เขาก็ไม่ติดอะไร ถ้ามาคุยในฝั่งของหนูเราเพิ่งเข้าวงการ เราจะแต่งงานเลย ละครก็ยังถ่ายอยู่แรกๆ เราก็กังวลว่าจะเป็นปัญหาไหมแต่เราก็ไปปรึกษาผู้จัดการส่วนตัวว่า ถ้าเราจะแต่งงาน จะติดอะไรมั้ย ผู้จัดการก็บอกว่าไม่มีปัญหาอะไรเลย การแต่งงานมันคือชีวิตของเรา มันคืออีกก้าวหนึ่งของเราที่ต้องก้าวต่อไป
มีแพลนอยากทำอะไรอีกไหม ?
น้ำหวาน : ก็มีคิดจะทำโปรเจกต์หนึ่ง คุยกันไว้แล้ว เป็นโปรเจกต์ระยะยาวที่ทำไว้เพื่อลูกหลานของเราด้วย
คุณพ่อคุณแม่ของทั้งสองครอบครัวว่าอย่างไรบ้าง ?
ณัฐ : ที่บ้านก็โอเค ทุกครั้งที่มีแฟนก็จะเล่าให้ที่บ้านฟัง พอเจอคนนี้ก็เล่าให้ฟัง ใช้ช่วงเวลาหลายปีให้ครอบครัวทำความรู้จักกับเขาว่าเป็นคนยังไง เวลาเราไปที่บ้านครอบครัวฝ่ายหญิงก็แนะนำตัวเข้าหาผู้ใหญ่ ทั้งสองครอบครัวก็ไม่มีปัญหา สองบ้านก็ไม่ได้เยอะถึงเวลาที่เราจะสร้างครอบครัว เลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ก็ยินดีกับเราทั้งคู่
ไม่ได้เร่งให้มีหลานใช่ไหม ?
ณัฐ : เขาบอกว่าเอาเป็นเรื่องของธรรมชาติ ถ้ามันต้องมีครับ
มีคำสัญญาอะไรให้กันบ้าง ?
ณัฐ : จริงๆ คำว่าสัญญามันคงคล้ายๆ กับคนรักหลายๆ คน ถือว่าวันนี้เป็นวันสำคัญที่สุดวันนึงในชีวิตที่เอาผู้หญิงคนนึงเข้ามาในชีวิตเรา เราก็แค่สัญญาว่าจะดูแลเขาให้ดีที่สุด เป้าหมายของผมคือทำให้คนรอบข้างที่เรารักมีความสุขมากที่สุด ก็จะต้องมีทั้งแฟน คนครอบครัวเรา และคนในครอบครัวเขา
น้ำหวาน : จริงๆ คำมั่นสัญญาก็ไม่ได้มีอะไร แต่ก็จะบอกพี่เขาเสมอว่าเวลาที่เขามีปัญหาหรือไม่สบายใจหรืออะไรก็ตาม หนูก็จะอยู่ข้างๆ ตรงนี้ ไม่ไปไหนแล้ว (น้ำตาซึม และหันไปมองณัฐที่น้ำตาซึมอยู่ข้างๆ เช่นกัน) ไม่เคยพูดเลย มันเหมือนที่ผ่านมาเราคบกันแบบเพื่อนพี่น้อง คือเราไม่ได้คบกันแบบฉันเป็นแฟนเธอ วันนี้เธอห้ามออกจากบ้าน คือถ้าเธออยากไปเที่ยวก็ไป จะไม่ห้าม เราคบกันแล้วสบายใจ คุยได้ทุกเรื่อง พอมาวันนี้ไม่เคยต้องมานั่งพูด แต่อย่างที่บอกไปว่าหนูกับพี่เขาผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะมากแล้ว พอมาถึงวันนี้ที่พี่เขาและหนูยืนอยู่ตรงนี้ มันเป็นช่วงเวลาที่ดีแล้วสำหรับวันนี้ค่ะ
แหวนเพชรแต่งงานกี่กะรัต ?
น้ำหวาน : ไม่รู้ค่ะ
ณัฐ : เป็นแหวนที่คุณพ่อให้คุณแม่ของผมครับ