ผู้การ ตร.ลั่น ไม่มียกเว้น แจ้งข้อหาแล้ว 2 ทหาร ปืนดุ ฆ่าหนุ่มรัฐศาสตร์ตาย ด้านพ่อผู้ตาย ยันไม่มีไกล่เกลี่ย เอาผิดถึงที่สุด ยอมเก็บศพไว้จนคนทำถูกลงโทษ
เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ความคืบหน้า กรณีนายดุสิต ถานัน อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ 15 บ้านชลประทาน ต.โคกหินแฮ่ อ.เรณูนคร จ.นครพนม พร้อมญาติพี่น้อง ได้ออกมาร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม หลังนายพัฒนพงษ์ ถานัน อายุ 36 ปี ลูกชายเสียชีวิต เมื่อวันที่ 16 เม.ย.2561 ที่ผ่านมา เนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ทหารชุดรักษาความสงบเรียบร้อย กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 3 นครพนม ทำร้ายร่างกายใช้อาวุธปืนยิงที่ขาขวา 1 นัด ก่อนใช้ไม้ทุบตีศีรษะจนเสียชีวิต แต่ไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินคดี รวมถึงความชัดเจนในการเยียวยาช่วยเหลือ จนต้องออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อ
ถึงแม้ล่าสุดทางด้าน พล.ต.ต.สมชาย ครรภาฉาย ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210 นครพนมจะออกมายืนยันว่า ทางหน่วยงานทหารไม่มีการทอดทิ้ง และเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปดูแลระงับเหตุ โดยก่อนหน้านี้ทางฝ่ายทหาร ยืนยันว่าได้มีการเข้าไปดูแลช่วยเหลือ นำเงินสดจำนวน 10,000 บาท เข้าไปช่วยเหลือจัดงานศพ ส่วนการดำเนินการด้านอื่นๆ ทั้งการสอบสวนเอาผิด รวมถึง การชดเชยเยียวยา ไม่ได้เพิกเฉยอยู่ระหว่างการเจรจาตกลง และพร้อมที่จะดูแลช่วยเหลือ ทั้งนี้ทางพ่อผู้เสียชีวิต ตลอดจนญาติพี่น้อง ยังคงแสดงความไม่พอใจ ยืนยันว่าทางทหารกระทำเกินกว่าเหตุ จะเดินหน้าเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ทหารทั้ง 3 นาย ที่ร่วมกันก่อเหตุทำร้ายลูกชายจนเสียชีวิต ซึ่งจะไม่มีการเจรจาไกล่เกลี่ย แต่จะให้มีการดำเนินการตามกฎหมายเด็ดขาด และปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมเป็นผู้ตัดสิน นอกจากนี้ในส่วนของเรื่องศพลูกชายที่เสียชีวิต จะขอเก็บไว้ไม่เผา จนกว่าคนทำผิดจะได้รับโทษ
ด้าน พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นครพนม ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับการดำเนินคดีว่า ล่าสุดหลังมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. 2561 ทางตำรวจได้ทำการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ตามขั้นตอนของกฎหมาย และเรียกตัวทหารเกี่ยวข้องมาสอบสวน จนกระทั่งมีการแจ้งข้อกล่าวหากับทหาร 2 นาย ที่ทำร้ายร่างกาย นายพัฒนพงษ์ ถานัน อายุ 36 ปีจนเสียชีวิตแล้ว ถึงแม้จะยืนยันว่าเป็นการระงับเหตุหรือปฏิบัติหน้าที่ แต่ทางตำรวจจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย โดยไม่มีละเว้น ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ หรือเป็นประชาชนธรรมดา เบื้องต้นทางทหารทั้ง 2 นายได้เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ สภ.นาโดน อ.เรณูนคร เป็นที่เรียบร้อย ในข้อหาร่วมกันทำร้ายผู้อื่นถึงแก่ความตาย อยู่ระหว่างการปล่อยตัวชั่วคราว รอขั้นตอนการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ทำสำนวนส่งอัยการ ตามขั้นตอน ส่วนการสอบสวนทางทหารทั้ง 2 นาย ให้การเบื้องต้นว่า เป็นการปฏิบัติหน้าที่ระงับเหตุ ป้องกันตัว เพราะผู้ตายอาละวาด พยายามจะใช้อาวุธมีดฟันต่อสู้ จึงต้องหาทางป้องกันตัว ทั้งนี้ทางทหารทั้ง 2 นาย ยังได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ตายเช่นกัน ในข้อหาต่อสู้ขัดขืนเจ้าพนักงาน และทำให้เสียทรัพย์ อย่างไรก็ตามทางตำรวจจะได้ให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ขอให้ประชาชน มั่นใจยืนยันจะดำเนินการตามกฎหมายตรงไปตรงมา ผิดถูกว่าไปตามข้อเท็จจริง ไม่มีละเว้น
ส่วน นายดุสิต ถานัน อายุ 65 ปี พ่อผู้เสียชีวิต ออกมาเปิดเผยอีกว่า มาถึงวันนี้ตนยังคงยืนยันว่า จะไม่มีการไกล่เกลี่ยใดๆ ทั้งสิ้น ขอให้ดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด ให้กระบวนการยุติธรรมเป็นผู้ตัดสิน เพราะยังรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันเลวร้ายสุดในชีวิต ถึงแม้ทหารจะอ้างว่า ปฏิบัติหน้าที่ระงับเหตุ แต่รู้แก่ใจว่า ไม่ได้มีเหตุรุนแรงอะไร เพียงตนประสานให้มาคุมตัวลูกชาย ไปเพื่อนำส่งไปตรวจรักษา เพราะป่วยเป็นโรคเครียด เกรงว่าจะทำร้ายคนอื่น แต่ที่ผ่านมายังไม่มีเหตุการณ์รุนแรง หรือทำร้ายใคร เพราะพื้นฐานลูกชายเป็นคนมีความรู้ มีการศึกษา จบการศึกษาถึงชั้นระดับปริญญาตรี สาขารัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแห่ง เพียงแต่ป่วยจากโรคเครียดจากปัญหาส่วนตัว แต่ทุกวันยังสามารถทำงานดูแล ช่วยพ่อแม่ได้ปกติ มีอาการหงุดหงิดโวยวายบางครั้งแต่ไม่รุนแรง
ส่วนทหารระบุว่าลูกชายพยายามทำร้ายร่างกาย มาจากวิธีการทำงาน การเข้าไปควบคุมตัวลูกชาย ที่เป็นการกระทำที่ผิดวิธีมากกว่า ไม่ใช้การเจรจาพูดคุย บวกกับตนไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย เชื่อว่าลูกชายเกิดความวิตก กลัวความผิด จึงขัดขืนวิ่งหนี แต่ทหารยังวิ่งตามพยายามคุมตัวเหมือนลูกชายเป็นนักโทษฆ่าคนตาย สุดท้ายกับบอกว่าใช้มีดไล่ฟันเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตามตนยืนยันว่าลูกชายตนไม่ผิด ไม่ใช่คนร้าย ไม่ใช่ผู้ต้องหา เป็นเพียงคนป่วย แต่สุดท้ายกลับถูกทำร้าย ทั้งใช้ปืนยิง ยังไม่พอ ใช้ไม้ทุบตีจนตาย นี่หรือเขาเรียกชายชาติทหาร อ้างว่าระงับเหตุ มันคือเหตุอะไร ทั้งที่ลูกชายวิ่งหนีแทบตาย ยังตามไปไล่ยิงอีก เพราะใช้อารมณ์ในการทำงานทำให้ครอบครัวตนสูญเสีย ความหวัง เสาหลักครอบครัว เพราะเชื่อว่าหากลูกชายได้รับการรักษา จะเป็นปกติ สามารถดูแลครอบครัวได้ แต่ต้องมาตายเพราะการกระทำของเจ้าหน้าที่ทหาร ที่ทำงานบกพร่อง มาถึงวันนี้ตนยืนยันฝากถึงหน่วยงานทหารระดับสูง กองทัพบก ยืนยันว่า จะไม่เผาศพลูกชาย จนกว่าทหารที่ทำร้ายลูกชายจะได้รับโทษ นานแค่ไหนไม่สนใจ ขอเพียงได้ความยุติธรรม