โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ประกาศถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน พร้อมประกาศคว่ำบาตรเศรษฐกิจรุนแรงต่ออิหร่านด้วย
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ประกาศการตัดสินใจนำสหรฐออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน ที่มีชื่อเต็มว่า “แผนปฏิบัติการร่วมฉบับสมบูรณ์” หรือ JCPOA (The Joint Comprehensive Plan of Action) ฉบับปี 2558 เมื่อวานนี้ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้งขึ้นในตะวันออกกลาง, สร้างความไม่พอใจต่อพันธมิตรในยุโรป และก่อให้เกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันในตลาดโลก
ทรัมป์ กล่าวหาอิหร่านว่า มีพฤติกรรม “อันตราย” ในตะวันออกกลาง และให้คำมั่นว่าจะใช้มาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านอย่างรุนแรง ย้ำด้วยว่า อิหร่านจะเป็นปัญหาที่รุนแรงกว่าเดิม หากพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ทรัมป์เรียกข้อตกลงนิวเคลียร์ฉบับนี้ว่า เป็น “โครงสร้างที่ผุพังและเน่าเปื่อย บกพร่องอย่างรุนแรง” ซึ่งไม่สามารถที่จะป้องกันการเสริมสมรรถนะนิวเคลียร์ของอิหร่านได้ และยังส่งเสริมรัฐบาลอิหร่านให้มีเงินทุนเพื่อนำไปใช้สนับสนุนพฤติกรรมชั่วร้ายทั่วตะวันออกกลางด้วย
ทรัมป์บอกด้วยว่า ข้อตกลงฉบับนี้ น่าละอายสำหรับเขา และสำหรับประชาชนด้วย
ข้อตกลง เจซีพีโอเอ กำหนดควบคุมความสามารถด้านการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่านอย่างเข้มข้น เพื่อแลกกับการผ่อนปรนจากมาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558 ลงนามกันโดยอิหร่าน และสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น 5 ชาติ คือรัสเซีย, จีน, สหรัฐ, อังกฤษ, ฝรั่งเศส และเยอรมนีด้วย ข้อตกลงฉบับนี้ ถูกมองว่าเป็นความสำเร็จด้านนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีบารัค โอบามา อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ เรียกข้อตกลงนี้บ่อยครั้งว่า “เป็นหนึ่งในข้อตกลงที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา” และให้คำมั่นว่าจะยกเลิกมันระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งปี 2559
แต่จนถึงขณะนี้ สำนักงานทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอ รับรองแล้วว่า อิหร่านปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเต็มที่ และสหภาพยุโรป หรืออียู ก็เห็นตรงกันกับไอเออีเอ
ด้านประธานาธิบดีฮัสซัน โรฮานี ของอิหร่าน ออกมาตอบโต้ว่า อิหร่านพร้อมรื้อฟื้นเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนีย ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการใช้ทั้งผลิตพลังงานนิวเคลียร์และอาวุธนิวเคลียร์ โดยเขาได้สั่งให้สำนักงานพลังงานปรมาณูของอิหร่านเตรียมพร้อมดำเนินการหากจำเป็น เขาจะรออีก 2-3 สัปดาห์ เพื่อพูดคุยกับพันธมิตรและประเทศมหาอำนาจอื่น ๆ ที่ร่วมลงนามในข้อตกลงนิวเคลียร์ แต่หากอิหร่านประสบความสำเร็จตามเป้าหมายของข้อตกลง ในการร่วมมือกับชาติมหาอำนาจ อิหร่านก็จะยังยึดมั่นพันธสัญญาต่อไป