"บิ๊กตู่" ปราศรัยชมชาวบุรีรัมย์รักกัน ไม่มีการทะเลาะขัดแย้ง แบ่งสีเสื้อ ยันมาวันนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง ไม่ต้องการให้ประชาชนมารักตน แต่ขอให้ไม่เกลียดกก็พอ ขอให้ทุกคนรักกัน เพราะบ้านเมืองจะอยู่ได้เพราะคนไทยทั้งประเทศ คนอยู่ต่างประเทศปล่อยเขาไป
เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ลงพื้นที่จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ จากนั้นได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ มายังบ้านท่าสว่าง ต.ท่าสว่าง อ.เมืองสุรินทร์ เพื่อเยี่ยมชมหมู่บ้านทอผ้าไหมยกทองโบราณบ้านท่าสว่างและบ้านจันทร์โสมาที่มีการอนุรักษ์ศิลปะการทอผ้าไหมชั้นสูง และได้รับเลือกให้เป็นผู้ผลิตผ้าไหมที่ระลึกแก่ผู้นำต่างประเทศที่เข้าร่วมการประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) เมื่อปี 2546 ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ
ทั้งนี้ เมื่อนายกฯและคณะมาถึง นายกิติเมศวร์ รุ่งธนิเกียรติ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์ ได้นำช้างแฝดเพศผู้คู่แรกของโลก ชื่อ"พลายทองคำ-พลายทองแท่ง" จากศูนย์คชสาร หมู่บ้านช้าง บ้านตากลาง จ.สุรินทร์ มอบกระเช้าดอกไม้แก่นายกรัฐมนตรี ขณะที่นายกรัฐมนตรีให้กล้วยน้ำว้าและแตงกวาเป็นอาหาร ก่อนจะยืนชมการแสดงของช้างแฝดคู่นี้ที่หันงวงเข้าหากันทำสัญลักษณ์รูปหัวใจ และใช้งวงควงฮูลาฮูบ
จากนั้น นายกฯเดินเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์กลุ่มสตรีทอผ้าบ้านท่าสว่าง โดยซื้อผลิตภัณฑ์พื้นเมืองของชาวบ้าน และร่วมรำเซิ้งเพลงพื้นถิ่นกับชาวบ้านอย่างสนุกสนานและเป็นกันเอง และได้ร่วมตำข้าวเปลือกและชิมข้าวหอมมะลิ 105 พันธุ์ปะกาอำปึล ข้าว 10 พันธุ์ และข้าวเหนียวดำซึ่งเป็นข้าวพันธุ์พื้นเมืองของ จ.สุรินทร์
จากนั้น ช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ จากบ้านท่าสว่าง ไปยัง จ.บุรีรัมย์ เพื่อพบปะกับประชาชนที่สนามช้างอารีน่า ประมาณ 3 หมื่นคน โดยมีนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นางกรุณา ชิดชอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้การต้อนรับ ซึ่งเมื่อพล.อ.ประยุทธ์ เดินทางมาถึงได้เดินรอบสนาม เพื่อโบกมือทักทายประชาชน ขณะที่ประชาชนต่างส่งเสียงเชียร์ว่า “ลุงตู่ ลุงตู่” ดังกึกก้องทั่วทั้งสนาม
นายกฯกล่าวกับประชาชนตอนหนึ่งว่า วันนี้รู้สึกตื่นเต้นและดีใจ ได้เห็นความเจริญของ จ.บุรีรัมย์เป็นไปในทิศทางที่ดี และยินดีที่ได้เห็นความรักของพวกเราชาวบุรีรัมย์ ที่คนบุรีรัมย์ไม่มีการทะเลาะขัดแย้ง แบ่งสีเสื้อกัน เราจะต้องสร้างความเป็นหนึ่งเดียว เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง ตลอดเวลาที่เป็นนายกฯ มา 4 ปี ไม่เคยเห็นความขัดแย้งในบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนและคนทั้งประเทศต้องการ ขอให้รักษาเรื่องเหล่านี้ไว้ ร่วมมือกันทำทุกอย่าง
“วันนี้ไม่ได้มาเรื่องการเมืองอย่างที่หลายคนพูด ไม่มีอะไรกับใครทั้งสิ้น ผมรักทุกคน ต้องการทำให้ประเทศเข้มแข็ง สิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไรที่จะทำให้บุรีรัมย์ไม่ใช่เมืองทางผ่าน จึงคิดว่าการท่องเที่ยวจะมาช่วยทำให้ทุกอย่างดีขึ้น โดยผมสั่งการให้มีการจัดการท่องเที่ยวทั้งปีไม่ใช่ปล่อยให้โรงแรมต่างๆ มีห้องว่างอยู่จำนวนมาก เมื่อไม่มีการแข่งขันกีฬาใด หรือไม่ใช่ฤดูกาลท่องเที่ยว ยืนยันว่าไม่ใช่เอาเงินไปแจกใครอย่างที่กล่าวหากัน แต่เป็นโครงการที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง แต่ช่วงนี้เป็นเวลาใกล้เลือกตั้ง จึงถูกกล่าวหา”นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการทำงานจากนี้ต่อไปตนจะเป็นอะไรเป็นเรื่องของอนาคต ยืนยันว่าการมาวันนี้ไม่ใช่เรื่องการเมืองหรือต้องการให้ประชาชนมารักตน เพราะเป็นเรื่องที่พูดยากใครจะไม่ชอบก็คือไม่ชอบ แต่ขอให้ไม่เกลียดกันก็พอ ขอให้ทุกคนรักกัน เพราะบ้านเมืองจะอยู่ได้เพราะคนไทยทั้งประเทศ คนอยู่ต่างประเทศปล่อยเขาไป และรัฐบาลนี้ไม่ได้ปิดกั้นใคร ยังใช้กฎหมายปกติในการดูแลและมีคำสั่ง คสช. บ้านเมืองจึงสงบเรียบร้อย ถ้าไม่มีคำสั่งเหล่านี้จะทำอย่างไร หากประชาชนปฎิบัติตัวและทำให้ตนวางใจให้ได้ว่าบ้านเมืองจะสงบเรียบร้อยได้ จึงจะยกเลิกคำสั่งเหล่านี้ไป