“พ.ต.ท.สันธนะ" แฉเหตุตำรวจบุกค้นตลาดใหม่ดอนเมือง เหตุไม่พอใจตนเอง ขอโทษ"เฮียเส็ง" ทำให้เกิดความเสียหายต่อตลาด
เมื่อวันที่ 7 พ.ค. พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ ที่ปรึกษาตลาดใหม่ดอนเมือง เดินทางมาแถลงข่าวที่ตลาดใหม่ดอนเมือง กล่าวว่า ตนต้องกราบขอโทษ “เฮียเส็ง” หรือนายสุชาติ โชว์วิวัฒยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทพัฒนาตลาดใหม่ดอนเมืองจำกัดด้วย ที่ความหวังดีของตนกลายเป็นประสงค์ร้าย ทำให้เกิดความเสียหายต่อตลาด ขอยกมือไหว้ขอโทษผู้ค้าทุกคน ทั้งนี้เฮียเส็งเพิ่งเข้ามาดูแลตลาดได้เพียง 2 ปีเท่านั้น ก่อนหน้านี้เฮียเส็งกับหุ้นส่วนได้ร่วมกันพัฒนาตลาด ก่อนจะไปทำธุรกิจที่อื่น ระหว่างนั้นมีคนชื่อ “เบิ้ม” เป็นผู้ดูแลตลาดและมีการเรียกเก็บเงินพ่อค้าแม่ค้า รวมถึงที่จอดรถ มีค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอาคารต่างๆ 107,378,100 ล้านบาท แต่ก็ยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ เมื่อเฮียเส็งกลับมา ทางพรรคพวกของนายเบิ้มก็รู้ว่าจะเสียผลประโยชน์จึงไม่พอใจ ตนก็ได้เรียกมาคุยกินกาแฟกัน แต่ลูกน้องนายเบิ้มก็ยังมายิงคนในตลาด จึงถูกสั่งห้ามเข้ามาในตลาดอีก นอกจากนี้ยังมีผู้ใหญ่ที่เคยดูแลตลาด ตนก็ชี้แจงเรื่องความเสียหายการก่อสร้างล่าช้าซึ่งผู้ใหญ่ได้ลงทุนลงไป ตนก็ได้โอนเงินไปให้ทุกเดือน เดือนละ 1 แสนบาทจนผู้ใหญ่พอใจ บอกไม่ต้องโอนเงินมาให้อีก
พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเฮียเส็งเลย ตนมาด้วยความจริงใจ แต่ก็เกิดเรื่องแบบนี้ได้ในที่สุด การบุกค้นตลาดเกิดจากความไม่พอใจตน เขาเลือกค้นตลาดเพราะมีประเด็นเกาะกระแสได้ พี่ๆ เขาก็ต้องการให้ตนเข้าไปกราบขอขมา แต่ตนเป็นคนกระด้างก็ไม่ได้เดินทางไป แต่สำหรับพี่ๆ แล้ว น้องคนนี้มีแต่ครับอย่างเดียว ตนรู้ว่าหลังจากนี้ใครจะมาดูแลตลาดต่อ แต่มันเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่อยากพูดถึง ส่วนการยกเลิกสัญญากับกรมธนารักษ์นั้น มันยังมีขั้นตอนทางกฎหมายอีกเยอะ มีขั้นตอนในศาลปกครองอยู่
พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวอีกว่า ขอกล่าวถึง พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.และ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. สำหรับ พล.ต.อ.วิระชัยนั้น เป็นใครมาจากไหน ทำไมถึงเรียกกำลังได้มากขนาดนี้ ตนรู้จักผู้ใหญ่ 3 คนที่จะรออบรมคุณอยู่ อีกทั้ง พล.ต.ท.วิระชัย นรต.37 รุ่นเดียวกับน้องชายคนเล็กของตน ส่วน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์นั้น ตนนับนิ้วยังไม่รู้เลยว่ารุ่นไหน ตนกับเขาไม่เห็นฝุ่นกัน
ผุ้สือข่าวรายงานด้วยว่า จากนั้น พ.ต.ท.สันธนะ ได้เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหา ตามที่พนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง ออกหมายเรียกในคดีดูหมิ่นเจ้าพนักงาน โดยเปิดเผยว่า พร้อมจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยหลังจากรับทราบข้อกล่าวหาเสร็จสิ้นแล้ว จะขอสวนหมัดกลับต่อ 3 นายพลที่เกี่ยวข้องในความผิดคดีอาญา แต่ไม่ขอระบุว่าเป็นบุคคลใด และเชื่อว่าหากมีการแจ้งความแล้ว จะกระทบต่อตำแหน่งหน้าที่ของนายพลทั้ง 3 อย่างแน่นอน พร้อมทั้งขอปฏิเสธข้อหาดังกล่าว เนื่องจากเชื่อว่าตนเองไม่ผิด เพราะที่ทำไปเกิดจากความเป็นห่วงพ่อค้าแม่ค้า ไม่ใช่เพราะผลประโยชน์ของตัวเอง
