หลังจากที่ตามตัวกันให้ควั่กมาพักใหญ่เพื่อสืบสาวราวเรื่อง ว่าเหตุอันใด "ก้อง ห้วยไร่" ถึงตามวงเดอะดัสต์ไปทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนี้ด้วย จนเกิดเป็นกรณีฟ้องร้องกันขึ้นมา งานนี้เมื่อเจอตัวหัวหน้าวงเดอะดัสต์มาดเข้มๆ กับคำพูดแสนคม "โตโน่" ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ในวันนี้ จึงขอปรี่เข้าไปถามไถ่ความจริงให้จบปิ๊งกันไปเลย ว่า ...
โตโน่ได้ชักชวนก้องไปทัวร์ด้วยกันหรือเปล่า ?
โตโน่ : คือวงต้องไปเล่นคอนเสิร์ตอยู่แล้ว พอก้องเขารู้เขาก็อยากไปด้วย ซึ่งทางเราก็ยินดี เราก็เลยบอกผู้จัดการว่าก้องจะไปด้วย
มีการทำสัญญากันด้วยใช่มั้ย ?
โตโน่ : มีครับมี มีสัญญาทุกอย่างแหละ แต่เราไม่คิดว่ามันจะเกิดเหตุที่ทำให้เขาไม่สามารถไปด้วยได้
ก่อนเดินทางก้องได้มาแจ้งมั้ยว่าไปไม่ได้ ?
โตโน่ : ไม่นะครับ ทราบอีกทีตอนที่เราไปยุโรปแล้ว จริงๆ ไม่อยากพูดเรื่องรายละเอียด เอาเป็นว่าขอไม่พูดถึงเรื่องนั้นนะครับ ซึ่งสิ่งที่วงของเราตั้งใจจะไปคือเราอยากให้แฟนๆ ที่ส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่ทำงานต่างบ้านต่างเมืองเขามีความสุข ซึ่งตลอดระยะเวลาเดือนกว่าๆ เนี่ย เราได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว เรื่องเงินไม่ใช่ประเด็นหลักสำหรับผมและวงเลย ในส่วนของก้องที่ไม่ได้ทำตามสัญญา ให้ไปถามกับทางผู้จัดและก้องเองดีกว่า เพราะจะฟ้องชนะหรือไม่เราไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้
มือกลองของวงออกมาโพสต์ว่ามีปัญหาเรื่องเงินทองด้วย ส่วนนี้คือ ?
โตโน่ : คืออาจจะมีปัญหาครับ ตรงที่ก้องบอกว่า ให้ติดต่อผ่านก้องเองอย่าติดต่อผ่านคนอื่น ซึ่งคนอื่นในที่นี้เนี่ย มันอาจเป็น "พี่เมย์" ผู้จัดการวงเรา มันก็คงไม่แปลกที่มือกลองของวงจะออกมาปกป้องคนที่เขารัก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในส่วนของหลักฐานมันค่อนข้างชัดเจน สิ่งที่มันเกิดขึ้นที่เมืองนอก สิ่งที่ก้องโทรฯ มาปรึกษาผม คือสำหรับผมก้องก็คือเพื่อนนะ สิ่งดีๆ ที่เราร่วมทำกันมามีเยอะแยะ ไม่ว่าก้องจะทำผิดหรืออะไรก็แล้วแต่ก้องก็ยังเป็นเพื่อนผมอยู่ดี ผมจึงไม่อยากให้ประเด็นนี้มาทำให้ผมต้องมาตอบและวุ่นวายถึงเหตุผลที่ก้องไม่ได้ไป ซึ่งแฟนเพลงของก้องเขาอาจจะเสียใจที่ไม่ได้เจอก้อง
ได้คุยกับก้องหรือยัง ?
โตโน่ : คุยครับ คุยตอนที่อยู่เมืองนอกนะครับ ปรึกษากัน พอสรุปแล้วว่าก้องมาไม่ได้ ผมจึงพยายามหาทางที่จะดูแลความรู้สึกของแฟนเพลงก้องให้ดีที่สุด แต่ถ้าการให้สัมภาษณ์ของก้องหรือใครก็ตามมันเกี่ยวโยงกับบุคคลที่สาม อย่างผู้จัดการผม หรือ พี่เมย์ อันนี้ต้องพูดออกมาให้ชัดเจน นั่นคือสิ่งที่มือกลองออกมาโพสต์ เพราะคนมันมองไปได้หลายด้าน แต่สิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้น คือ ไม่ว่าก้องจะผิดยังไง การขอโทษเป็นทางออกที่ดีที่สุด จึงอยากให้เป็นเรื่องที่ไกล่เกลี่ยกันได้ เพราะวงเราก็ทำตามข้อตกลงอย่างเรียบร้อยไม่ขาดตกบกพร่อง
เรื่องนี้กระทบความสัมพันธ์ระหว่างก้องกับโตโน่ยังไงบ้าง ?
โตโน่ : จริงๆ แล้วผมไม่รู้เรื่องว่าใครบินมาฟ้องใครนะครับ เรารู้แค่ว่า เราต้องเจอกับอะไรบ้างในตอนอยู่เมืองนอก เพราะเรามีโชว์ทั้งหมด 13 โชว์ มีก้อง 6 โชว์ เราโชว์ไปแล้ว 7 โชว์ เหลือแต่ของก้องที่ต้องบินมา ซึ่งผมทราบว่าก้องจะไม่มาเนี่ย 2 วันก่อนขึ้นโชว์ ณ ตอนนั้นเราไม่ได้โฟกัสว่าใครผิดใครถูก เรามุ่งตรงที่ว่า จะทำยังไงให้แฟนคลับของก้องดูโชว์เราแล้วความเสียใจ ผิดหวังของเขาจะดีขึ้น เราเข้าใจถึงความยากลำบาก บางคนต้องตีตั๋วบินมาไกล ต้องจองที่พัก เราก็พยายามทำหน้าที่นั้นให้ดี ผมก็บอกกับก้องไปตรงๆ ถ้าเราผิดก็รับผิดชอบไป เราต้องขอโทษ อาจเป็นเรื่องการรับงานซ้อน เราต้องขอโทษด้วยความจริงใจกับแฟนคลับและผู้จัด ทั้งหมดทั้งมวลมันจะไม่เสียหายในเรื่องความรู้สึก ส่วนเรื่องค่าเสียหายก็คุยกันเอาว่าก้องสามารถรับได้แค่ไหน
หนักเกินไปมั้ย กับโชว์ที่ต้องรับผิดชอบแทนก้อง ?
โตโน่ : สำหรับผมมันไม่หนัก การที่เราเล่นเพิ่มในเวลาที่ก้องต้องมาเล่นเนี่ย แล้วเราก็ไม่ได้เรียกร้องว่าต้องมาให้เงินผมเพิ่มนะ วงต้องการให้แฟนๆ ที่มาประทับใจเท่านั้นครับ เรารู้ว่าคนที่อยู่เมืองนอก ไม่มีใครอยากอยู่ไกลบ้านหรอก แต่ที่เขาต้องไปก็เพื่อปากเพื่อท้อง ทุกคนต้องการอยู่ใกล้พ่อใกล้แม่ใกล้ลูกทั้งนั้นแหละ เราจึงทำให้เขาเกิดความรู้สึกที่ดีมีความสุข และขอร้องว่าอย่าให้ผมและวงที่มีความตั้งใจดีๆ เนี่ย ไปเกี่ยวข้องกับการฟ้องร้อง "ใช่" ผมเข้าใจว่าสังคมอาจมองว่า คนที่ใช้ความจริงใจ ความรัก คนที่เชื่อในศักดิ์ศรี มากกว่าเรื่องของเงินทองคนอาจจะมองว่าโง่ก็ได้นะครับ ซึ่งผมยังถือเรื่องพวกนี้อยู่ ดังนั้นอย่าเอาผมและวงไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของใคร เพราะผมได้ทำหน้าที่ของตัวเองเรียบร้อยดีแล้ว ทุกคนได้รับรู้ถึงความตั้งใจของเราแล้ว
โตโน่เป็นคนกลางไกล่เกลี่ยเรื่องนี้หรือเปล่า ?
โตโน่ : ผมว่ามันไม่จำเป็นเพราะไม่ใช่เรื่องของผมแล้ว ก็ให้ทางทนายหรือฝ่ายก้องไปคุยกันเอง และผมไม่อยากให้แฟนๆ ต้องมาด่ากัน เพราะเชื่อว่าก้องเขาโตแล้ว เขาต้องหาทางรับมือกับปัญหาได้ ซึ่งหากเรื่องนี้มันส่งผลถึงคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย อันนี้ผมจำเป็นต้องออกมาพูด แต่ในตอนนี้มันยังไม่ถึงขั้นนั้น