“สุวพันธ์” เจรจาบ้านป่าแหว่ง ลั่นพร้อมคืนป่า

2018-05-06 15:20:16

 “สุวพันธ์” เจรจาบ้านป่าแหว่ง ลั่นพร้อมคืนป่า

Advertisement

“รมต.สุวพันธ์” ขึ้นเหนือเจรจาแกนนำเรื่องบ้านป่าแหว่ง พร้อมคืนป่าดอยสุเทพให้



เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ที่ศูนย์ประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.เชียงใหม่ มีจัดประชุมแก้ไขปัญหาการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุธรณ์ภาค 5 และบ้านพักข้าราชการตุลาการชิงดอยสุเทพ โดยก่อนการประชุม นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปดูพื้นที่สร้างบ้านพักข้าราชการตุลาการ และอาคารชุด ที่เชิงดอยสุเทพ ในอ.แม่ริม จ.เชียงใหม่




หลังจากที่ได้เดินทางมาถึงที่ศูนย์ประชุมฯ ก็มีการเข้าประชุมเป็นการภายในกับ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ หัวหน้าส่วนราชกาารที่เกี่ยวข้องทั้ง ธนารักษ์จังหวัดเชียงใหม่ , สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เชียงใหม่ , อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ,สำนักงานชลประทานเชียงใหม่ , สำนักงานทรัพยากรป่าไม้เชียงใหม่ ฯลฯ ยังมีตัวแทนจากเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ จาก 45 องค์กร เช่น ภาคีคนฮักเจียงใหม่ , มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ , เครือข่ายวิศวกรรักษ์ป่า เป็นต้น ใช้เวลประชุมกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนที่เครือข่ายจะออกมาและประชุมนอกรอบสำหรับกลุ่มเครือข่ายอีกครั้ง และทาง รมต.สุวพันธุ์ ได้มาร่วมชี้แจงในที่ประชุมในขั้นตอนสุดท้ายของการเจรจา





นายสุวพันธุ์ ได้ให้สัมภาษณ์หลังจากเสร็จสิ้นการเจรจาว่า การเดินทางมาครั้งนี้เพราะได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ให้มาเจรจา 3 เรื่อง เรื่องแรกคือ การไม่มีผู้เข้าไปอยู่อาศัย เรื่องนี้ก็ได้ดำเนินการไม่ให้มีคนเข้าไปอยู่ และให้กรมธนารักษ์ไปรางวัดในเขตพื้นที่ เพราะมีแนวเขตป่าดั้งเดิม การกันพื้นที่ด้านหลังและบ้านพัก 45 หลัง จะไม่มีผู้อยู่อาศัย เพื่อพัฒนาฟื้นฟูป่าให้สมบูรณ์แบบต่อไป ส่วนด้านล่างลงมาก็ทำเป็นจุดให้ชัดเจน ให้ทางศาลได้ใช้ประโยชน์ อาคารสำนักงานและอาคารชุด 3 หลัง ให้เกิดประการทำงานได้


ส่วนเรื่องที่สอง แนวทางการฟื้นฟู การปลูกป่าต้องทำทันที ส่วนราการก็มีแผนอยู่แล้ว ภาคประชาชนก็อาจจะมีข้อเสนอซึ่งเชิญชวนประชาชนชาวเชียงใหม่ไปปลูกป่าด้วยกัน โดยตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ระหว่างภาครัฐกับประชาชน ด้วยการปลูกต้นไม้ร่วมกัน และ

เรื่องที่สาม ก็เป็นการพูดคุยเรื่องอื่นๆ ซึ่งได้คุยกับทางตัวแทนเครือข่ายแล้ว ก็อยากให้เป็นเขตอุทยานแห่งชาติ และให้ดูแลพื้นที่นอกเหนือ 147 ไร่แห่งนี้ว่าจะทำอย่างไร ต้องทำให้เป็นป่ากลับคืนมาให้ได้ และพื้นที่ในราชพัสดุและเป็นพื้นที่ป่าควรจะทำอย่างไร ก็ให้ตั้งคณะกรรมการมา 1 ชุด เพื่อให้พิจารณาเรื่องสิ่งก่อสร้างที่มีอยู่ การทำให้เป็นป่าที่สมบูรณ์ โดยให้กรรมการดูแลเรื่องนี้





เรื่องที่ว่าจะสูญเสียงบประมาณไหม ตอนนี้ต้องใช้หลักนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ในการแก้ไขปัญหา เพราะมีอะไรที่ซ้อนทับกันอยู่ เราต้องแก้ไขทีละอย่าง หางบประมาณไได้ก็ต้องว่ากันไปตามกระทรวงการงบประมาณ วันนี้คุยกันด้วยเหตุผล ซึ่งเรื่องนี้เกิดมาจากกระบวนการของภาคประชาชนมาร่วมกันคิด วันนี้มาแล้วเกิดความประทับใจมากที่สุดคือ ความร่วมมือของตัวแทนและภาคีเครือข่าย ภาคประชาชนจาก 50 กว่าภาคีมาร่วมพูดคุยกัน ด้วยความเข้าใจและเห็นประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก มีแผนที่ต้องทำอีกเยอะมาก เรื่องนี้มีเรื่องที่ต้องทำในระยะสั้นด้วยการรางวัดพื้นที่ กำหนดเขตให้ชัดเจนเพื่อปลูกป่า ปลูกต้นไม้ ส่วนเรื่องอื่นๆ ต้องใช้ระยะเวลาศึกษา

วันนี้ภาคภาคีเครือข่ายประชาชน เขาสะท้อนความห่วงใยในทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภาครราชการก็นั่งฟังอยู่ ผมก็ฟังอยู่ และเป็นเรื่องระยะยาวที่ต้องทำอะไรบางสิ่งบางอย่างเพิ่มเติม การพบเจอกันไม่มีแบบครึ่งทาง กลางทาง ปลายทาง แต่พบกันด้วยความร่วมมือ ความเข้าใจกันดีของทุกฝ่าย ทางศาลยุติธรรม บอกมาชัดเจนให้ทางรัฐบาลแก้ไขปัญหาแทน อะไรที่รัฐบาลตัดสินใจทางศาลน้อมรับและปฏิบัติ ทางรัฐบาลต้องรับภาระมาทำแทน ถือเป็นบทเรียนที่สำคัญ ภาคสังคม ภาคประชาชน ภาคราชการ ได้รับการเรียนรู้ว่าจะทำอะไรต้องคำนึงถึงสิ่งหลายๆ อย่าง ผลกระทบต่อความรู้สึก ต่อภาพรวมประโยชน์ของประเทศ เราได้รับบทเรียนพร้อมกันทุกฝ่าย และจากการไปดูพื้นที่ก็เห็นภาพดังกล่าวแล้ว จึงได้รีบเข้ามาประชุมและเร่งหาทางออกจนทำให้ทุกฝ่ายพอใจ





การก่อสร้างก็ให้เป็นไปตามสัญญาจนถึงการส่งมอบในเดือน มิ.ย. เพราะจะได้ไม่กระทบทางด้านกฎหมาย รัฐบาลไม่ได้ต้องการยื้อเวลา เราต้องการแก้ไขปัญหาให้ส่วนรวมโดยแท้จริง ที่ผ่านมาท่านนายกรัฐมนตรี ก็ได้ออกมาเปิดใจกับเรื่องนี้ และส่งผมเดินทางมาแก้ไขปัญหา และการเจรจา ทราบว่าท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ จะมีการประชุมในวันที่ 7 พ.ค.นี้ โดยจะนำทุกฝ่ายมาประชุมร่วมกัน และในอาทิตย์หน้าทางกรมธนารักษ์จะเข้าไปรางวัดพื้นที่ ส่วนวันที่ 27 พ.ค. ก็จะมีการปลูกป่าเนื่องในวันวิสาขบูชา ปลูกในพื้นที่อื่นนอกเหนือจากพื้นที่ก่อสร้างก่อน ซึ่งภาคประชาชนมีความเข้มแข็งมากในเรื่องนี้ เราก็จะเร่งดำเนินการให้ และต้องดูภาพรวมในอนาคตด้วย



ด้านนายธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ พร้อมแกนนำร่วมกันแถลงข่าว หลังเสร็จสิ้นการเจรจาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า พื้นที่บ้านป่าแหว่งจะกลับมาเป็นพื้นที่ป่าดังเดิม โดยได้รับคำมั่นสัญญาว่าจะได้ป่าดอยสุเทพกลับมาเป็นป่าดังเดิม ซึ่งจะไม่มีอาคารหลงเหลืออยู่แน่นอน