รู้ใช่มั้ย ? คราวหน้าควรสั่งอะไร ?

2018-05-03 17:00:47

รู้ใช่มั้ย ? คราวหน้าควรสั่งอะไร ?

Advertisement

จะเช้า - สาย - บ่าย - เย็น เป็นต้องนึกถึงเรื่องกิน เพราะชีวิตที่ดีนั้น อาหารดีๆ มีประโยชน์เป็นส่วนสำคัญหลักเลยเชียวแหละ แต่ชาวออฟฟิศอย่างเราวันๆ เอาแต่นั่งจ่ออยู่หน้าคอมพ์จะลุกเดินเหินก็น้อย พลังงานจากอาหารที่ทานเข้าไปจึงไม่ค่อยได้ปล่อยออกมา ยกเว้นเสียแต่ว่า ช่วงว่างจากงานเย็นๆ ค่ำๆ อาจชวนกันไปออกกำลังกาย แต่ทางเลือกง่ายสำหรับสาวๆ ที่รักการกิน โดยเฉพาะอะไรที่มันเป็นเส้นๆ วันนี้ทีมข่าวไลฟ์สไตล์นิว 18 มีคู่มือเทียบพลังงานสำหรับสาวกินเส้น จะเส้นน้อยเส้นไหนเส้นอะไรไปดูกัน...



สารพัดเมนูเส้น ส่วนประกอบหลักในอาหารจานโปรดของคุณปริมาณ 100 กรัมเท่ากัน จะให้พลังงานเท่าไหร่นะ? มาดูกันเลยว่าในบรรดาอาหารเส้นๆ จะเลือกกินเส้นไหนดี!






เส้นก๋วยเตี๋ยวให้พลังงานตั้งแต่ 150-220 กิโลแคลอรี่



ไม่ว่าจะเป็นก๋วยเตี๋ยวเส้นหมี่ขาว...ทั้งเส้นเล็ก หรือ เส้นใหญ่ ล้วนมีส่วนผสมเป็นแป้งข้าวเจ้าเหมือนกันทั้งสิ้น แต่กลับให้พลังงานที่ต่างกันขึ้นอยู่กับความชื้นของเส้น โดยเส้นใหญ่จะมีแคลอรี่สูงที่สุด เพราะมักจะเคลือบน้ำมัน ทำให้ในปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงานสูงถึง 220 กิโลแคลอรี่ ในขณะที่เส้นเล็กให้พลังงานประมาณ 180 กิโลแคลอรี่ และเส้นหมี่ให้พลังงานประมาณ 150 กิโลแคลอรี่เท่านั้น



ทั้งนี้ มีข้อมูลจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุเพิ่มด้วยว่า ถ้าในปริมาณ 80 กิโลแคลอรี่เท่ากัน จะได้ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ในปริมาณ 1 ทัพพี หรือประมาณ 50 กรัม ส่วนเส้นหมี่ได้ปริมาณ 2 ทัพพี หรือประมาณ 54 กรัม





วุ้นเส้น 330 กิโลแคลอรี่

เห็นพลังงานพุ่งขนาดนี้อย่าเพิ่งตกใจ ! เพราะวุ้นเส้น (เส้นดิบ) มีน้ำหนักเบามาก คือ 1 ซองมีประมาณ 50 กรัมเท่านั้น ปกติสาวๆ กินไม่ถึง 100 กรัมแน่นอน ซึ่งข้อมูลจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า หากนำวุ้นเส้นไปลวก ในปริมาณ 2 ทัพพี หรือประมาณ 120 กรัม จะให้พลังงานประมาณ 80 กิโลแคลอรี่เท่านั้นเอง แต่ก็อย่าเข้าใจผิดว่าวุ้นเส้นเป็นโปรตีน ! จริงอยู่ว่าเส้นชนิดนี้ทำจากถั่วเขียว แต่ในกระบวนการผลิตถั่วจะถูกโม่และแยกโปรตีนออกไปจนเหลือแต่แป้ง เดี๋ยวนี้ยังมีการผสมแป้งมันลงไปเพื่อเป็นการลดต้นทุนด้วย โดยจะไม่เหนียวเท่าวุ้นเส้นจากถั่วเขียว 100%





เส้นขนมจีน 80 กิโลแคลอรี่

ถึงแม้จะทำจากแป้งข้าวเจ้าเหมือนกับเส้นก๋วยเตี๋ยว แต่แป้งสำหรับเส้นขนมจีนจะหมักแช่น้ำไว้ก่อน จึงนำไปผ่านกระบวนการต่างๆ และมักเป็นเส้นสดใหม่ที่ทำวันต่อวัน เส้นจึงมีองค์ประกอบของน้ำมาก และให้พลังงานต่ำกว่าเส้นก๋วยเตี๋ยว ข้อเสียอย่างหนึ่งของเส้นที่มีความชื้นสูงแบบนี้ก็คือ สาวๆ จะกินแล้วรู้สึกว่าไม่อยู่ท้องนั่นเอง โดยข้อมูลจากกรมอนามัยระบุว่า ขนมจีน 1 จับ (ประมาณ 72 กรัม) ให้พลังงาน 80 กิโลแคลอรี่ 



เคล็ดไม่ลับจับมาบอก : ควรเลือกแบบที่เป็นสีธรรมชาติ ไม่มีการแต่งสีเพิ่มเติม และหากซื้อมาแล้วยังไม่กินควรแช่ตู้เย็นเก็บไว้ แม้จะเป็นแป้งหมักแต่ก็ไม่ควรทิ้งไว้ข้ามวัน



 



เส้นบะหมี่ 300 กิโลแคลอรี่

บะหมี่เส้นสีเหลืองทำมาจากแป้งสาลี ซึ่งเป็นแป้งที่มีโปรตีนสูงพอสมควร แถมยังได้ประโยชน์จากแคโรทีนอยด์ และฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มวิตามินเออีกด้วย ส่วนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถึงจะเห็นสีเหลืองๆ เหมือนกัน แต่ก็ผ่านการทอดและปรุงรสจนมีไขมันและโซเดียมสูง แค่ปริมาณ 1 ซอง (60 กรัม) ก็ให้พลังงานถึง 280 กิโลแคลอรี่ และยังเป็นพลังงานจากไขมันเกือบครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว



ขณะที่หากเทียบในปริมาณ 80 กิโลแคลอรี่เท่านั้น จะได้ปริมาณบะหมี่สุก 2/3 ทัพพี (ประมาณ 36 กรัม) ซึ่งปริมาณพลังงานที่เท่ากันนี้จะได้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแห้ง เพียง 1/3 ห่อ หรือประมาณ 20 กรัม



เคล็ดไม่ลับจับมาบอก : หากอยากกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปควรซื้อชนิดที่มีการเติมสารอาหาร เช่น ไอโอดีน ธาตุเหล็ก หรือวิตามินเอเพิ่มเข้าไป เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้มากขึ้นสักนิด





เส้นบุก 10 กิโลแคลอรี่


เส้นหนึบๆ ที่แปรรูปมาจากหัวบุกนี้ มีเส้นใยสูงและให้พลังงานต่ำมากๆ แถมสารแป้งในหัวบุกซึ่งเรียกว่า แมนแนน เมื่อแตกตัวจะได้เป็นน้ำตาลกลูโคสและแมนโนส ซึ่งงานวิจัยหลายชิ้นยืนยันว่า ในกระบวนการย่อย แมนโนสจะถูกดูดซึมช้ากว่ากลูโคส น้ำตาลในเลือดจึงเพิ่มขึ้นช้า เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสาวๆ ที่เป็นเบาหวาน และสาวๆ อยากผอมทั้งหลาย



เคล็ดไม่ลับจับมาบอก : เส้นบุกมีทั้งแบบเส้นใสและแบบผสมสาหร่ายทะเลเพื่อเพิ่มคุณค่าอาหาร แต่ให้พลังงานต่ำไม่ต่างกัน ส่วนการปรุงควรลวกในน้ำเดือดจัด จึงจะได้เส้นบุกที่นุ่มกำลังดี




เส้นแก้ว 20 กิโลแคลอรี่

เส้นแก้วใสๆ คล้ายวุ้นเส้นแต่อวบและกรุบกว่านี้ (หาซื้อได้จากซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ ทั่วไป) ทำจากสาหร่ายทะเลสีน้ำตาล 100 กรัม มีคาร์โบไฮเดรตน้อยมาก ประมาณ 4 กรัม นอกเหนือจากนั้นก็เป็นใยอาหาร เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานหรือต้องการลดความอ้วน สำหรับส่วนที่ทำให้เส้นแก้วแตกต่างจากเส้นบุกก็คือ เส้นชนิดนี้จะมีโซเดียมและแคลเซียมอยู่เล็กน้อย



เคล็ดไม่ลับจับมาบอก : เส้นแก้วสามารถนำมากินสดๆ ได้เลย แต่หากไม่ชอบความจืดและกรุบ จะนำไปปรุงรสและผ่านความร้อนเพื่อให้เส้นนุ่มลงก็ได้ แต่อาจต้องใช้เวลานานกว่าเส้นอื่นๆ สักหน่อย