เทียบชัด ! เก้าอี้ทำงานแบบธรรมดากับแบบสุขภาพ แบบไหนดีกว่า

2025-05-21 17:50:46

เทียบชัด ! เก้าอี้ทำงานแบบธรรมดากับแบบสุขภาพ แบบไหนดีกว่า

Advertisement

เทียบชัด ! เก้าอี้ทำงานแบบธรรมดากับแบบสุขภาพ แบบไหนดีกว่า 

ในยุคปัจจุบันที่การทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน การเลือกเก้าอี้นั่งทำงานที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพในระยะยาว

บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงความแตกต่างระหว่างเก้าอี้นั่งทำงานธรรมดา และเก้าอี้ทำงานแบบสุขภาพ พร้อมทั้งวิเคราะห์ว่าเก้าอี้ประเภทใดที่อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพได้ง่ายกว่า และมีแนวทางปฏิบัติอย่างไรเพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและส่งเสริมสุขภาพที่ดีในระยะยาว




เก้าอี้นั่งทำงานธรรมดา ภัยเงียบที่อาจก่อให้เกิดโรค 
ลองจินตนาการถึงเก้าอี้นั่งทำงานทั่วไปที่เราคุ้นเคย มักมีลักษณะเรียบง่าย ไม่มีส่วนรองรับสรีระมากนัก พนักพิงอาจจะปรับเอนได้เล็กน้อย หรือบางรุ่นอาจจะปรับไม่ได้เลย เมื่อต้องนั่งทำงานต่อเนื่องเป็นเวลา 8 ชั่วโมง โดยมีการพักเพียง 1 ชั่วโมงสำหรับรับประทานอาหารกลางวัน และไม่ได้ลุกขึ้นยืนหรือเคลื่อนไหวร่างกายเลยนั้น ร่างกายของเราจะเผชิญกับแรงกดทับอย่างต่อเนื่องในบริเวณต่าง ๆ ดังนี้



* กระดูกสันหลังส่วนเอว (Lumbar Spine) :
เก้าอี้ธรรมดามักไม่มีส่วนรองรับส่วนโค้งของกระดูกสันหลังส่วนเอว ทำให้กล้ามเนื้อหลังส่วนล่างต้องทำงานหนักเพื่อประคองท่าทาง ส่งผลให้เกิดอาการปวดหลังเรื้อรัง กล้ามเนื้อหลังเกร็ง หรือหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนได้ในระยะยาว 

* กระดูกสันหลังส่วนคอ (Cervical Spine) :
หากเก้าอี้ไม่มีที่พักศีรษะหรือมีแต่ปรับระดับไม่ได้ เมื่อเรานั่งทำงานโดยโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อมองจอคอมพิวเตอร์ จะทำให้กล้ามเนื้อคอและบ่าต้องทำงานหนัก เกิดอาการปวดคอ บ่า ไหล่ หรือปวดศีรษะจากความตึงเครียด 

* สะโพกและก้น :


พื้นผิวของเก้าอี้ธรรมดาอาจแข็งกระด้างและไม่มีการระบายอากาศที่ดี ทำให้เกิดแรงกดทับบริเวณสะโพกและก้นเป็นเวลานาน ส่งผลให้เกิดอาการชา เหน็บ หรืออาจนำไปสู่โรคริดสีดวงทวารได้

* การไหลเวียนโลหิต :
การนั่งท่าเดิมเป็นเวลานานโดยไม่มีการเคลื่อนไหวจะทำให้การไหลเวียนโลหิตไม่สะดวก โดยเฉพาะบริเวณขาและเท้า อาจทำให้เกิดอาการบวม เส้นเลือดขอด หรือความเสี่ยงของภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ (Deep Vein Thrombosis - DVT) เพิ่มขึ้น

* ท่าทางโดยรวม :
เก้าอี้ที่ไม่รองรับสรีระที่ดีจะส่งผลให้ท่านั่งโดยรวมไม่ถูกต้อง เช่น หลังค่อม ไหล่งุ้ม ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาโครงสร้างร่างกายในระยะยาว 



เก้าอี้ทำงานแบบสุขภาพ : ออกแบบมาเพื่อการรองรับและลดความเสี่ยง
ในทางตรงกันข้าม เก้าอี้ทำงานแบบสุขภาพได้รับการออกแบบตามหลักการยศาสตร์และสรีรศาสตร์ โดยมีจุดเด่นในการรองรับสรีระในส่วนต่าง ๆ อย่างเหมาะสม เพื่อลดแรงกดทับและส่งเสริมท่าทางการนั่งที่ถูกต้อง ดังนี้

* พนักพิงหลังที่รองรับส่วนโค้งของกระดูกสันหลังส่วนเอว (Lumbar Support) :
ช่วยให้กระดูกสันหลังอยู่ในแนวโค้งตามธรรมชาติ ลดภาระของกล้ามเนื้อหลังส่วนล่าง

* ที่พักศีรษะและคอ (Headrest and Neckrest) :


รองรับศีรษะและคอ ช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อบริเวณนี้

* เบาะนั่งที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ :
มีความลาดเอียงและวัสดุที่รองรับน้ำหนักได้ดี ช่วยกระจายแรงกดทับบริเวณสะโพกและก้น และมีการระบายอากาศที่ดี

* ที่พักแขน (Armrests) :
ปรับระดับความสูง ความกว้าง องศาการวางแขน และระยะการวางแขนได้ เพื่อรองรับแขนและลดภาระของไหล่และคอ

* กลไกการปรับเอน (Reclining Mechanism) :
ช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนอิริยาบถขณะนั่งทำงานได้ ลดการเกร็งของกล้ามเนื้อ

* วัสดุและการระบายอากาศ :
ใช้วัสดุที่มีคุณภาพดี ระบายอากาศได้ดี ลดความอับชื้นและความร้อน

ทางที่ดีควรใช้เก้าอี้แบบไหน ?
แน่นอนว่า เก้าอี้ทำงานแบบสุขภาพ เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าอย่างชัดเจนสำหรับการทำงานในระยะยาว ด้วยคุณสมบัติที่ออกแบบมาเพื่อรองรับสรีระ ลดแรงกดทับ และส่งเสริมท่าทางการนั่งที่ถูกต้อง จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่าง ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เคล็ดลับ : ปรับพฤติกรรมอย่างไรให้ทำงานได้ดีและมีสุขภาพดีในระยะยาว ?
ถึงแม้ว่าการเลือกใช้เก้าอี้ทำงานแบบสุขภาพจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงานก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและส่งเสริมสุขภาพที่ดีในระยะยาว ควรปฏิบัติดังนี้

* ลุกขึ้นยืนและเคลื่อนไหวร่างกายบ่อย ๆ :
ไม่ควรนั่งทำงานติดต่อกันเป็นเวลานาน ทุก ๆ 30-60 นาที ควรลุกขึ้นยืน เดิน ยืดเส้นยืดสาย หรือทำกายบริหารง่าย ๆ ประมาณ 2-3 นาที เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและลดการเกร็งของกล้ามเนื้อ

* ปรับเก้าอี้ให้เหมาะสมกับสรีระ :
ปรับความสูงของเก้าอี้ให้เท้าทั้งสองข้างราบกับพื้น เข่าทำมุม 90 องศา ปรับความลึกของเบาะนั่งให้มีช่องว่างประมาณ 2-3 นิ้วระหว่างขอบเบาะกับข้อพับเข่า ปรับพนักพิงหลังให้รองรับส่วนโค้งของกระดูกสันหลังส่วนเอว และปรับที่พักแขนให้รองรับแขนในท่าที่ผ่อนคลาย

* จัดวางอุปกรณ์ทำงานให้เหมาะสม :
ตำแหน่งของจอคอมพิวเตอร์ควรอยู่ในระดับสายตา ระยะห่างจากจอประมาณช่วงแขนเอื้อมถึง คีย์บอร์ดและเมาส์ควรอยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานได้สะดวกโดยไม่ต้องเอื้อมหรือเกร็ง

* พักสายตาเป็นระยะ : ทุกๆ 20 นาที
ควรละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ประมาณ 20 วินาที และมองไปยังวัตถุที่อยู่ไกลออกไป เพื่อลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา

* ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ :
การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ลดความตึงเครียด และส่งเสริมสุขภาพโดยรวมที่ดีขึ้น 

* ใส่ใจกับอิริยาบถ : พยายามนั่งหลังตรง ไหล่ไม่ห่อ คอไม่ยื่น และหลีกเลี่ยงการนั่งไขว่ห้างเป็นเวลานาน
การนั่งทำงานบนเก้าอี้นั่งทำงานธรรมดาเป็นเวลานานโดยไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกายที่เหมาะสม อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ได้เร็วกว่าการใช้เก้าอี้ทำงานแบบสุขภาพ ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับสรีระและลดความเสี่ยงดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้เก้าอี้ที่ดีเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทำงานให้เหมาะสม เช่น การลุกขึ้นเคลื่อนไหวร่างกายเป็นระยะ การปรับเก้าอี้และอุปกรณ์ทำงานให้ถูกหลักสรีรศาสตร์ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว