พปชร. ชี้ร่างกฎหมายศูนย์กลางการเงินทำลายความน่าเชื่อถือ ธปท.

2025-03-18 19:19:00

พปชร. ชี้ร่างกฎหมายศูนย์กลางการเงินทำลายความน่าเชื่อถือ  ธปท.

Advertisement

พปชร. ชี้ร่างกฎหมายศูนย์กลางการเงินทำลายความน่าเชื่อถือ  ธปท. และระบบการเงินของประเทศ คาดเอื้อภาคการเมืองเพิ่มปริมาณเงินตามที่ต้องการ

เมื่อวันที่ 18 มี.ค.68 ที่พรรคพลังประขารัฐ (พปชร.) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ในฐานะประธานร่วมศูนย์นโยบายและวิชาการ  พปชร.แถลงข่าวเตือนรัฐบาล เกี่ยวกับ ร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลาง การประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. ... จะทำลายระบบการเงินของประเทศ ตามที่เมื่อวันที่ 14 มี.ค.68 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวบนเวทีงาน " MFC’s 50th Anniversary -The World’s Next Opportunities and Beyond เปิดโอกาสลงทุนแห่งอนาคต"ว่า พรรคเพื่อไทยอยากให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของบล็อคเชนและคริปโตเคอเรนซี่ จึงจะดำเนินการ 3 เรื่อง คือ 1.ออกเงินดิจิทัลในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 2.จัดทำแซนบ็อกซ์ที่ภูเก็ตเพื่อใช้คริปโตเคอเรนซี่เป็นสกุลเงินในการแลกเปลี่ยน 3.ออกเงินดิจิทัลแบบสเตเบิ้ลคอยน์ stable coin โดยเตรียมแผนไว้ให้ดำเนินการได้ภายใน 3เดือน นั้น

นายธีระชัย กล่าวต่อว่า แผนดำเนินการ3 เรื่องดังกล่าว ภายใต้กรอบกฎหมายปัจจุบันจะต้องผ่านการพิจารณาของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในเรื่องกฎหมายเงินตราและในเรื่องกฎหมายระบบการชำระเงิน แต่กลับไม่แถลงว่ารัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยได้มีการปรึกษาหารือกับ ธปท. แต่อย่างใด จึงบ่งชี้ว่ารัฐบาลจะไม่ดำเนินการภายในกรอบกฎหมายปัจจุบัน

"การที่นายทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมากล่าวเช่นนี้ บ่งชี้ว่ารัฐบาลมุ่งจะผ่าน ร่างพ.ร.บ.ศูนย์กลาง การประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. ... เพื่อออกใบอนุญาตบริษัทการเงินรายใหม่ ให้สามารถทำธุรกิจเข้ามาในตลาดภายในประเทศ แต่จะมีการตัดอำนาจของ ธปท. ก.ล.ต. คปภ. ออกไป โดยจะจัดตั้งเป็นสำนักงานขึ้นมาใหม่ที่รวบอำนาจการพิจารณาออกใบอนุญาต และการออกกติกากำกับธุรกิจแทนองค์กรเหล่านี้" นายธีระชัย กล่าว

นายธีระชัย กล่าวเตือนให้รัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลตระหนักว่า การตัดอำนาจขององค์กรอิสระออกไปเช่นนี้จะทำลายระบบการเงิน เพราะจะเปิดให้ภาคการเมือง สามารถเพิ่มปริมาณเงินได้เองตามที่ต้องการในรูปแบบเงินดิจิทัลที่ไม่ต้องมีทองคำหนุนหลัง ซึ่งจะกระทบต่อความเชื่อมั่นทั้งในนโยบายการเงินและในค่าเงินบาทอย่างหนัก

อดีตรมว.คลัง กล่าวต่อว่า สำหรับความมุ่งมั่นให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของบล็อคเชนและคริปโตเคอเรนซี่นั้น รัฐบาลจะต้องทำเฉพาะในหมู่บุคคลผูัมีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ โดยจะต้องไม่ปล่อยให้ลามเข้ามาตลาดในประเทศ ทั้งที่ไม่ได้รับฉันทานุมัติจาก ธปท. เสียก่อน เพราะจะทำให้ ธปท.คุมปริมาณเงินไม่ได้ และจะก่อความเสี่ยงต่อระบบการชำระเงินอันเป็นกระดูกสันหลังของระบบการเงินที่รองรับทั้งการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตรา เงินทุนที่ไหลเข้าออกตลาดเงินตลาดทุน และการนำเข้าและส่งออกทั้งสินค้าและบริการ

นายธีระชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการบริหาร พปชร. ได้รับทราบปัญหาความเสี่ยงที่จะเกิดต่อระบบการเงิน และจะทำให้โลกขาดความเชื่อถือในนโยบายการเงินของไทย จึงมีมติให้คัดค้านร่างกฎหมายฉบับนี้ให้ถึงทึ่สุด เว้นแต่จะมีการแก้ไขปรับปรุงให้เหมาะสม ทั้งนี้ รัฐบาลสามารถนำเอาเทคโนโลยีบล็อกเชนและเศรษฐกิจดิจิทัลในการบริหารประเทศได้อยู่แล้ว โดยต้องไม่ไปทำลายความน่าเชื่อถือของ ธปท. และระบบการเงินของประเทศ