"สุทิน"ชี้"เท้ง"ไล่นายกฯยุบสภาเหตุผลอ่อนไป ยัน พท. ดันแก้ รธน.เต็มที่ ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดเพื่อเดินหน้าแบบไม่พะวง
เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 68 นายสุทิน คลังแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีแนวทางการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย ภายหลังที่ประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ที่เสนอโดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในวันที่ 13-14 ก.พ. 68 ที่ผ่านมา โดยมีองค์ประชุมไม่ครบว่า เมื่อค้างอยู่ในสภาก็เป็นเรื่องที่ดีที่เราทำสำเร็จ ต่อไปเราจะต้องยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความให้ได้ โดยเราอาจจะต้องหาคนยื่นญัตติอีกครั้ง หรือก็มีการพูดคุยกันว่าอาจจะดันญัตติของนพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ส.ว. อีกครั้ง เพราะเป้าหมายของเราคือต้องการผ่านทางตันและคำวินิจฉัยที่ยังคลุมเครือ เพราะถ้าไม่ผ่านทางตัน ก็จะยังคลุมเครืออยู่แบบนี้ต่อ ฉะนั้นจึงต้องยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอีกครั้ง
นายสุทิน กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามต้องดูว่านายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา จะนัดประชุมอีกครั้งเมื่อไหร่ แต่ญัตติที่จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญของเรานั้นมีความคืบหน้าและฝ่ายกฎหมายก็มีการร่างญัตติไว้แล้ว ส่วนจะยื่นได้นั้นต้องรอให้ประธานนัดประชุมอีกครั้งก่อน เพราะเรื่องนี้ต้องเป็นมติของที่ประชุมร่วมรัฐสภา ซึ่งญัตติของพรรคเพื่อไทย คงไม่แตกต่างจากญัตติของ นพ.เปรมศักดิ์มาก แต่ก็สามารถที่จะยื่นญัตติได้ ถ้ามีน้ำหนัก
เมื่อถามว่าจะต้องมีการพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะเห็นด้วยกับญัตติของ พท.หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า คงจะต้องมีการพูดคุยกันอีกครั้ง แต่เมื่อคุยกันแล้วเขาจะเป็นอย่างไร ก็เป็นสิทธิ์ของเขา หรือแม้กระทั่ง สว.เราก็ต้องมีการทำความเข้าใจกับเขาด้วยเพื่อให้เขาเข้าใจเจตนาของเรา ซึ่งตนเชื่อว่าจะเป็นผลดี
เมื่อถามอีกว่าขณะนี้เสียงของพรรครัฐบาลดูจะเป็นเอกภาพกังวลหรือไม่ว่าอาจจะส่งผลกระทบอะไรในอนาคต นายสุทิน กล่าวว่า ไม่เป็นเอกภาพจริง เพราะมองและตีความคำวินิจฉัยไปคนละทาง บางคนก็กลัวเขาจึงไม่กล้าที่จะร่วมอภิปรายและลงมติด้วย แต่เมื่อเราคิดว่าจะใช้วิธียื่นตีความ เขาคงจะโล่ง ต่อไปจะได้เดินหน้าแบบไม่พะวักพะวง ซึ่งการใช้วิธียื่นตีความนั้น ตนเชื่อว่าทุกพรรคไม่มีอะไรเสียหาย มีแต่ประโยชน์ ผู้คนจะสามารถเข้าประชุมได้โดยไม่พะวง
ต่อข้อถามถึงกรณีที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน แถลงเรียกร้องให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยุบสภา เนื่องจากไม่สามารถคุมเสียงพรรคร่วมรัฐบาลได้ นายสุทิน กล่าวว่า ตนมองว่าเหตุผลยังไม่ถึงระดับนั้น ตามจริงแล้วการยุบสภาตามหลักรัฐศาสตร์และการเมืองทั่วไป เขาจะยุบก็ต่อเมื่อรัฐบาลกับสภามีความขัดแย้งจนไม่สามารถเดินหน้าได้ การบริหารบ้านเมืองเดินหน้าไปลำบาก สภาแอนตี้รัฐบาล แต่นี่เรื่องอื่นเขาก็ร่วมมือกันเต็มที่ ฉะนั้นตนคิดว่าการจะนำเหตุผลนี้มาเรียกร้องให้ยุบสภายังเป็นเหตุผลที่อ่อนไป ยังเชื่อมโยงได้ไม่เนียนพอ
เมื่อถามต่อว่าเมื่อเป็นเช่นนี้มองว่าจะกระทบอะไรกับพรรคเพื่อไทยในมุมมองของประชาชนหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่มี แม้ตอนเกิดเหตุการณ์ใหม่แล้วประชาชนจะสับสน ไล่เรียงเหตุผลไม่ทัน ซึ่งไม่ใช่เฉพาะประชาชนแต่ สส.ในสภารวมถึง สว.ก็ยังงงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านมาทุกคนมาครุ่นคิดก็จะเข้าใจ เรื่องนี้คงไม่มีอะไรกระทบเป็นวงกว้างถึงเสถียรภาพของรัฐบาล จนทำให้ต้องเปลี่ยนแปลงรัฐบาลนั้น มันไม่ใช่ ยุบสภาก็ไม่มีเหตุผลเพียงพอ ย้ำว่าเรื่องอื่น ๆ รัฐบาลก็ร่วมกันทำงานได้ปกติ เพียงเรื่องรัฐธรรมนูญที่เขาไม่ร่วมมือ ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะความคลุมเครือของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญแค่นั้นเอง แต่หากตีความชัดแล้วผมคิดว่าเขาก็ให้ความร่วมมือ
เมื่อถามต่อว่าหมายความว่าหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมาชัดเจนแล้ว เราจะสามารถคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่นให้เห็นด้วยได้ใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ใช่ ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยออกมาแล้วว่า รัฐสภาสามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ แต่ต้องทำประชามติก่อน ซึ่งสิ่งที่ไม่ชัดเจนคือต้องทำประชามติกี่ครั้ง บางพรรคจึงมองว่าสิ่งที่เรากำลังพิจารณาอาจจะผิดหรือขัดต่อคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ แต่เราเห็นว่าทำประชามติ 2 ครั้งจึงจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความให้ชัดเจน เพื่อทำให้พรรคอื่นเห็นว่าทำประชามติ 2 ครั้งเพียงพอแล้วมาร่วมกับเราแต่หากศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าต้องทำประชามติ 3 ครั้ง เราก็จะได้ถอยกลับมาเริ่มต้นใหม่ โดยไปทำประชามติก่อน พรรคร่วมรัฐบาลก็จะได้เห็นว่าทำประชามติก่อนแล้ว หากเป็นเช่นนี้เขาร่วมด้วย นี่เป็นสิ่งที่เราคาดหวัง
เมื่อถามต่อว่าหมายความว่าหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมาชัดเจนแล้ว ก็มั่นใจว่าจะได้รับเสียงสนับสนุนเพียงพอที่จะทำให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านได้ใช่หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ใช่ เพราะเมื่อมีความชัดเจนเราก็จะได้ปฏิบัติถูก คือการปฏิบัติที่ไม่เสี่ยงต่อข้อกฎหมาย พรรคอื่นเขาก็จะร่วมด้วย