"สมศักดิ์"สั่ง สสจ.ลพบุรีดูแลโรงงานน้ำแข็งแอมโนเนียรั่ว

2025-02-11 14:17:14

"สมศักดิ์"สั่ง สสจ.ลพบุรีดูแลโรงงานน้ำแข็งแอมโนเนียรั่ว

Advertisement

"สมศักดิ์"สั่ง สสจ.ลพบุรีดูแลโรงงานน้ำแข็งแอมโนเนียรั่ว สร้างความมั่นใจไม่กระทบด้านสุขภาพประชาชนบริเวณใกล้เคียง เผยผู้ประกอบการยินดีทำลายน้ำแข็ง ตามความปลอดภัยด้านอาหาร 

เมื่อวันที่ 11 ก.พ.68 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน  รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีโรงน้ำแข็งแอมโมเนียรั่ว  ที่ จ.ลพบุรี ว่า ตนได้รับรายงานจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลพบุรีว่า จากเหตุแอมโมเนียรั่ว เบื้องต้นส่งผลให้คนงานได้รับบาดเจ็บ ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช ประมาณ 32 คน แบ่งเป็น หญิง 17 ราย ชาย 6 ราย ดญ. 6 ราย ดช. 3 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ ต้องแอดมิด จำนวน 4 ราย ส่วนการดำเนินการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลพบุรี ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า บริเวณด้านหน้าโรงงาน ยังมีกลิ่นแอมโมเนีย และส่วนที่ใช้แอมโมเนียในการหล่อเย็นคือ การผลิตน้ำแข็งหลอด ไม่ได้ใช้ผลิตน้ำแข็งซอง ขณะที่ บริเวณผลิตน้ำแข็งซอง พบว่า จุดเครื่องจักรที่เป็นจุดทำความเย็นด้วยแอมโมเนีย ยังมีกลิ่นแอมโมเนียค่อนข้างมาก แม้ใส่หน้ากาก N95 ยังได้กลิ่น ไม่สามารถเข้าไปเวลานานได้

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของความปลอดภัยด้านอาหาร สสจ.ได้ดำเนินการเบื้องต้น ดังนี้ ผู้ประกอบการยินดีทำลายน้ำแข็งที่ผลิตแล้ว ทั้งน้ำแข็งซองและน้ำแข็งหลอดทั้งหมด เพราะมีกลิ่นแอมโมเนียในห้องเก็บน้ำแข็งที่บรรจุแล้ว โดยเมื่อคนงานกลับจากโรงพยาบาลแล้ว จะทำลายโดยใส่ในบ่อบำบัดน้ำเสีย พร้อมส่งภาพให้ สสจ.ลพบุรี ทราบ ในส่วนของน้ำแข็งหลอดที่อยู่ในกระบวนการผลิต ผู้ประกอบการยินดีทำลายน้ำแข็งหลอดทั้งหมดทันที แต่น้ำแข็งซองที่อยู่ในกระบวนการผลิตไม่เกี่ยวข้องกับการใช้แอมโมเนีย ผู้ประกอบการก็ยืนยันว่า เป็นระบบปิด แอมโมเนียที่รั่วไหลไม่มีผลกระทบ หรือ ปนเปื้อนไปกับน้ำแข็งได้ ผู้ประกอบการจะดำเนินการเก็บตัวอย่างน้ำแข็งบริเวณที่อยู่ใกล้กับจุดแอมโมเนีย 3 จุด ส่งตรวจวิเคราะห์หาสารปนเปื้อนตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฯ หากพบว่า ไม่มีการปนเปื้อนให้จำหน่ายได้

 รมว.สาธารณสุข กล่าวด้วยว่า สิ่งที่จะต้องดำเนินการต่อไป คือ อุตสาหกรรมจังหวัด ร่วมกับ สสจ.ตรวจสอบสถานที่ผลิตโดยละเอียดภายในวันนี้ เพราะอาจมีผลกระทบด้านสุขภาพ เนื่องจากแก๊สแอมโมเนีย (Ammonia, NH₃) สามารถทำลายสุขภาพได้ในหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความเข้มข้น ระยะเวลาที่สัมผัส และวิธีที่ร่างกายได้รับแก๊สเข้าไป โดยอันตรายหลัก ๆมีดังนี้ 1.ผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ หากสูดดมในปริมาณน้อย อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อจมูก คอ และปอด หากมีความเข้มข้นสูง อาจทำให้เกิด ปอดอักเสบ หลอดลมอักเสบ หายใจลำบาก ปอดบวมน้ำ อาจเกิดอาการไอ สำลัก แน่นหน้าอก และหายใจติดขัด 2.ผลกระทบต่อดวงตาและผิวหนัง เพราะแอมโมเนียมีฤทธิ์กัดกร่อนสูง หากสัมผัสกับดวงตา อาจทำให้ตาแดง น้ำตาไหล เจ็บปวด และรุนแรงถึงขั้นตาบอดได้ โดยเมื่อสัมผัสกับผิวหนัง อาจทำให้เกิดอาการ ไหม้ แสบ แดง พุพอง หรือ เป็นแผลลึก 3.ผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร (หากกลืนกิน) ทำให้เกิดแผลไหม้ในปาก คอ หลอดอาหาร และกระเพาะอาหาร อาจมีอาการปวดท้องรุนแรง อาเจียน หรือเลือดออกภายใน และ 4.ผลกระทบต่อระบบประสาทและร่างกายโดยรวม โดยการสัมผัสแอมโมเนียในระดับสูง อาจทำให้เกิด เวียนหัว ปวดหัว สับสน อ่อนเพลีย หากได้รับในปริมาณที่เป็นพิษ อาจทำให้ หมดสติ ชัก และถึงแก่ชีวิตได้

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ข้อควรปฏิบัติเมื่อสัมผัสแอมโมเนีย ให้ออกห่างจากบริเวณที่มีแก๊สทันที และสูดอากาศบริสุทธิ์ โดยหากสัมผัสผิวหนัง หรือ ดวงตา ให้ล้างด้วยน้ำสะอาดปริมาณมากเป็นเวลาอย่างน้อย 15 นาที หากมีอาการรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้น ตนได้เน้นย้ำ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลพบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างเต็มที่ โดยให้โรงพยาบาลในพื้นที่ เตรียมสนับสนุนอุปกรณ์ และบุคลากรให้พร้อม รวมถึงให้ตรวจสอบผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชน ในบริเวณใกล้เคียงด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่า สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และไม่มีผลกระทบด้านสุขภาพแต่อย่างใด