พปชร. แถลงค้านเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์

2025-02-05 21:42:17

พปชร. แถลงค้านเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์

Advertisement

พปชร. แถลงค้านร่าง พ.ร.บ. เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ซัดรัฐบาลส่งเสริมบ่อนทำลายชาติ  

เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 68 ที่รัฐสภา นายชัยมงคล ไชยรบ ส.ส.สกลนคร  รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ และคณะ แถลงการคัดค้านร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

นายชัยมงคล กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากการประชุมของคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) และคณะทำงานนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ เมื่อวานนี้ (4 ก.พ. 2568) กก.บห. มีมติร่วมกันในเรื่องของการคัดค้านเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยเล็งเห็นว่าเป็นโครงการมีผลกระทบต่อประชาชนเป็นอย่างมากซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาตามมาอีกมากมายเราจะเป็นขนาดที่ยาวนานเนื่องจากว่าในร่างกฏหมายฉบับนี้มีกาสิโนอยู่ด้วย หมายถึงว่าในวันนี้รัฐบาลจะทำการพนันที่แต่ก่อนเป็นเรื่องต้องห้ามนำมาสู่เรื่องที่ถูกต้องตามกฏหมาย เท่ากับว่ารัฐบาลพยายามส่งเสริมให้กับประชาชนได้เล่นการพนันอย่างถูกกฎหมาย ซึ่งถือว่าเป็นภัยต่อบ้านเมือง


นายชัยมงคล กล่าวว่า ดังนั้นเรื่องราวที่เกิดขึ้นเราไม่เข้าใจรัฐบาลชุดนี้ ว่าแนวคิดเรื่องบ่อนกาสิโนทำไมจึงเกิดขึ้นมาในยุคสมัยนี้หรือรัฐบาลสิ้นหนทางในการหาเงินเข้ามาพัฒนาประเทศ จนกระทั่งยอมที่จะให้ชาติบ้านเมืองแปะเปื้อน และสร้างบาดแผลให้กับประเทศชาติ ทั้งนี้พรรคประชารัฐยืนยันว่าการพนันเป็นอบายมุขที่ทำลายชาติบ้านเมือง และท้ายที่สุดจะทำลายเศรษฐกิจ

ด้าน พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ในส่วนของเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ตนมองว่ารัฐบาลยังมีหลายประเด็นที่ไม่ชัดเจน ได้แก่ ไม่ครบวงจร ไม่รัดกุม ไม่มีเครื่องมือ ไม่มีประสบการณ์ โดยเฉพาะในเรื่องการลงพื้นที่ตรวจสอบประชาชนอย่างแท้จริง ว่าประชาชนได้รับผลกระทบหรือเดือดร้อนจากการพนันมากน้อยแค่ไหน รัฐบาลยังมีการให้อำนาจเลขาและคณะกรรมการตามมาตรา 11 มากเกินไป อีกทั้ง ตัดอำนาจหน่วยงานที่มีหน้าที่ตาม พ.ร.บ.การพนัน ไปโดยสิ้นเชิง เช่น กระทรวงมหาดไทย ทำให้อำนาจทั้งหมดไปอยู่ที่เลขา และคณะกรรมการ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้า

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน พรรคพลังประชารัฐ พยายามชี้แจงมาโดยตลอดว่า รายได้จากใบอนุญาตในระยะเวลา 30 ปี อาจไม่ถึง 1,100 ล้านบาทต่อใบ ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเงินจำนวนนี้หากนำมาใช้จริงก็อาจหมดไปในระยะเวลาไม่นาน ยังไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น การรักษาความสงบเรียบร้อย การฟื้นฟูสังคมและชุมชน รวมถึงผลกระทบทางสังคมที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชน ซึ่งมีมูลค่ามหาศาล